ในช่วงการประชุมครม.สัญจร หนองบัวลำภู กระทรวงมหาดไทยย้ำอีกครั้งวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะอนุญาตให้เปิดสถานบริการบันเทิงกลางคืนได้ถึงตี 4
เป็นไปตามที่ครม.เห็นชอบไปก่อนหน้า ซึ่งนโยบายนี้รัฐบาลระบุเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน
โดยนำร่องพื้นที่ 5 จังหวัด กทม. ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี
ทั้ง 5 พื้นที่เป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าพื้นที่อื่น
การขยายเวลาเปิดสถานบริการบันเทิงค่ำคืน ส่วนใหญ่เป็นผับ บาร์ คาราโอเกะ จะช่วยให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ผู้ประกอบการ พนักงานลูกจ้างมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดรายได้แก่อาชีพ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกลางคืน เช่น คนขายหาบเร่ คนขับแท็กซี่ รถสามล้อ คนขายพวงมาลัย ร้านอาหาร เป็นต้น
นับตั้งแต่วิกฤตโควิดเมื่อปี 2563 สถานบริการบันเทิงเป็นกลุ่มแรกที่ต้องปิดกิจการ แต่เป็นกลุ่มสุดท้ายที่อนุญาตให้กลับมา เปิดได้
ผู้ประกอบกิจการหลายราย โดยเฉพาะรายย่อย เงินทุนสายป่านไม่ยาวพอต้องเลิกกิจการ หลายรายต้องกู้หนี้ยืมสิน
แม้รัฐบาลอนุญาตให้กลับมาเปิดได้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะไม่มีทุนรอนกลับมาฟื้นกิจการ ต้องปิดตัวถาวร ส่งผลกระทบต่อพนักงานลูกจ้าง
จนกระทั่งวิกฤตโควิดผ่านพ้นมาเป็นปี กลับมาเปิดกิจการได้อีก แต่หลายรายก็ยังฟื้นตัวไม่ดีพอเหมือนช่วงก่อนโควิด
การอนุญาตให้เปิดถึงตี 4 จึงเป็นอีกทางเลือกเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน และอาชีพแวดล้อมอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน
สำหรับกทม. แหล่งบริการบันเทิงกลางคืนใหญ่ที่สุด ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สั่งสำนักงานเขตแต่ละแห่งไปตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่
ไม่ว่าจะเป็นทางหนีไฟต้องได้มาตรฐาน ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ชุมชนใกล้เคียง ต้องเป็นไปตามกฎหมายเข้มงวด เช่น ห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ เมาไม่ขับ ควบคุมป้องกันยาเสพติด
ช่วงแรกอนุญาตให้กลุ่มที่อยู่ในโซนนิ่ง ย่านสีลม อาร์ซีเอ และรัชดาภิเษก
การเปิดผับถึง 4 แน่นอนย่อมส่งผลดีต่อรายได้ ขณะเดียวกันรัฐก็ต้องควบคุมผลกระทบต่างๆ อย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน
ถ้าควบคุมได้ดีต่อไป และจังหวัดอื่นๆ มีศักยภาพเพียงพอ ก็ควรอนุญาตเพิ่มให้มากกว่า 5 จังหวัด
ข้าวตอกแตก
