กระบวนท่าของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย ต่อพรรคประชาธิปัตย์ น่าศึกษา
พรรคภูมิใจไทยมอง “สภาพ” อันเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ด้วยความเข้าใจและด้วยความเห็นใจ
เพราะเคยร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยกัน
ขณะเดียวกัน ต่อคำถามที่จะดึงพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาร่วม พรรคภูมิใจไทยมากด้วยความระมัดระวัง มิได้ผลีผลาม ยืนยันตัวเลข 314 ว่าล้นเกินอยู่แล้ว
นี่ย่อม “ต่าง” ไปจากท่าทีอันมาจากพรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทยมีท่าทีทั้งด้วยความ “เห็นใจ” และ ก็ “สะใจ” ลึกๆ ไปด้วยในขณะเดียวกัน
สะใจเพราะเห็นถึงความพ่ายแพ้อยู่ในลักษณะถอยร่นแทบไม่เป็นกระบวน ไม่ว่าจะเป็นของ นายชวน หลีกภัย ไม่ว่าจะเป็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
2 คนนี้ไม่เอาพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ก็ย่อมดีใจเมื่อเห็นการผงาดขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประสานกับการเป็นเลขาธิการพรรคของ นายเดชอิศม์ ขาวทอง
จึงอ่านทะลุว่าความต้องการของพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร
ปัญหาความขัดแย้ง แตกแยกและแยกตัวของพรรคประชาธิปัตย์เป็นผลดีกับรัฐบาล
กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วย่อมเป็นผลดีแก่พรรคเพื่อไทย เพราะเท่ากับโอกาสที่จะได้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเสริมเติมความแข็งแกร่งมีสูงอย่างยิ่ง
ที่มีคนนิยามพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็น “อะไหล่” นั้น ไม่ผิดหรอก
เพราะในวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาก็มี สส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวน 16 คนร่วมขานชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย มิใช่หรือ
ทุกอย่างบ่งบอกก่อนวันที่ 9 ธันวาคมด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของพรรคภูมิใจไทย เข้าใจได้
เข้าใจได้ในฐานะที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ 2 ในรัฐบาล เข้าใจได้ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรค อันดับ 1 และเป็นแกนนำรัฐบาล
เมื่อ “สถานะ” ต่างกัน “ท่าที” ก็ย่อมต่างกัน