โรคใหม่การเมืองกลัวธนาธร อนาคตใหม่ของพลังประชารัฐ
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
โรคใหม่การเมืองกลัวธนาธร อนาคตใหม่ของพลังประชารัฐ : ทําไมคำถามอันก้องมาจากภายในพรรคพลังประชารัฐในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน จึงพุ่งไปยัง
“ธนาธร” หายไปไหน
ทำไมจึงไม่ถามถึง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำไมจึงไม่ถามถึง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย
ทำไมจึงไม่ถามถึงหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นในปีก ฝ่ายค้าน
คำถามนี้เท่ากับสะท้อนถึง “จิตใต้สำนึก” ของรัฐบาล “จิตใต้สำนึก” ของภายในพรรคพลังประชารัฐ อยู่ที่พรรคอนาคตใหม่ อยู่ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
คําอธิบายหนึ่งอาจเป็นเพราะ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คือคู่แคนดิเดตในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จึงอยู่ในฐานะตัวแทนของ “ฝ่ายค้าน”
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้หลุดไปจากวงจรแล้ว ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งใน 18 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล
มิอาจอยู่ในฐานะ “คู่แข่ง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้
กระนั้น ความนัยที่สลับซับซ้อนยิ่งกว่านั้นก็คือ จำนวน 81 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ และบทบาทของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สร้างความหวาดกลัวให้กับพรรคพลังประชารัฐ
ความหวาดกลัวต่อพรรคอนาคตใหม่และโดยเฉพาะ ต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ภายหลังการเลือกตั้ง เมื่อเดือนมีนาคมไม่ได้มีแต่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
หากแต่เป็นความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีนักการเมืองบางคนและบางพรรคถือเอา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือเอาพรรคอนาคตใหม่ เป็นศัตรูที่จะต้องทำลายล้างในทุกวิถีทาง
เห็นได้จากการไม่ยอมให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าสภา
ขนาด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่อาจเข้าไปแสดงบทบาทในสภา พรรคอนาคตใหม่ยังสร้างความปั่นป่วนให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรวมถึงการตั้งรับของพรรคพลังประชารัฐ
ในความเป็นจริง พรรคอนาคตใหม่สร้างปรากฏการณ์เหนือความคาดหมายในทางการเมืองอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา
สัมผัสได้จาก 6.3 ล้านคะแนน สัมผัสได้จาก 81 ส.ส.
อาจยังเป็นจำนวนที่น้อยกว่าพรรคเพื่อไทย อาจยังเป็นจำนวนที่น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าพรรคภูมิใจไทย มากกว่าพรรคชาติไทยพัฒนา
ทั้งๆ ที่เพิ่งมีอายุได้เพียง 1 ปีเท่านั้น
