จุดแข็ง จุดต่าง ของ ธนาธร อนาคตใหม่ ความไร้เดียงสา

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ถามว่าความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ที่สามารถได้คะแนนมาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มีพื้นฐานมาจากอะไร

มาจาก “นวัตกรรม” ทางการเมือง อย่างนั้นหรือ

หากเป็นนวัตกรรมที่พรรคอนาคตใหม่เจาะทะลวงไปยังคนรุ่นใหม่อย่างที่เรียกว่า “นิวคัมเมอร์” เพิ่งได้ลิ้มรสการเลือกตั้งครั้งแรก

ก็ไม่น่าจะมากมายถึง 6.3 ล้าน

หากเป็นนวัตกรรมประเภทไม่ใช้เงิน ไม่ซื้อเสียง และผู้สมัครไม่ว่าระบบเขต ไม่ว่าระบบบัญชีรายชื่อ ล้วนเป็น “คนหน้าใหม่” ก็ไม่น่าจะใช่

อย่าลืมความรู้สึก “ร่วม” อย่างหนึ่งในทางการเมืองที่ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทั้ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล ระดมคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นกำลังสำคัญของพรรค

เน้นการหาเสียงบนพื้นที่ “ออนไลน์”

บรรดาเกจิทางการเมือง ไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะจากพรรคภูมิใจไทย สรุปอย่างเงียบๆ โดยมิได้นัดหมายว่า

เป็นเรื่องของพวก “ไร้เดียงสา” ละอ่อนอย่างยิ่ง

เพราะการประเมินว่าคนของพรรคอนาคตใหม่ล้วน เป็น “ละอ่อน” และไม่ประสีประสาในการเมืองที่เป็นจริงนั่นเอง เมื่อประสบเข้ากับ 6.3 ล้านคะแนนจึงตื่นตะลึง

ความ “ไร้เดียงสา” ต่างหากกลับกลายเป็นอาวุธ อันทรงความหมาย สร้างจุดต่างอย่างมีนัยสำคัญบนสนามการเมืองที่อุดมไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิงแรด

เพราะเห็นว่า “ไร้เดียงสา” จึงประเมินต่ำ

ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะปรากฏบนเวทีใด ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล จะนำเสนอความคิด เช่นใด ไม่ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช จะยืนยันอย่างมั่นคง

ก็ต้องประสบเข้ากับวลีที่ว่า พวกเขา “อาบน้ำร้อน” มาก่อน

บรรยากาศทางการเมืองก่อนและในวันเลือกตั้ง จึงเป็นบรรยากาศแห่งการประมาท ประเมินบทบาทของพรรคอนาคตใหม่ต่ำกว่าความเป็นจริง

อย่าได้แปลกใจที่เมื่อปรากฏ 6.3 ล้านคะแนนเสียงขึ้น อย่าได้แปลกใจที่เมื่อเด่นชัดว่าพรรคอนาคตใหม่ จะต้องได้ส.ส.เหยียบหลัก 90

จึงก่อความตระหนกอย่างใหญ่หลวง

แม้จะเป็นจำนวนน้อยกว่า 136 ของพรรคเพื่อไทย แม้จะเป็นจำนวนน้อยกว่า 116 ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็มากกว่า 53 ของพรรคประชาธิปัตย์ 52 ของพรรคภูมิใจไทย

“ความไร้เดียงสา” นั่นเองทำให้กลายเป็น “โอกาส” ของพรรคอนาคตใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน