ด้านบวก ด้านลบ ของ ปารีณา ไกรคุปต์ ต่อ พลังประชารัฐ

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ด้านบวก ด้านลบ ของ ปารีณา ไกรคุปต์ ต่อ พลังประชารัฐกรณีการถือครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่ หากมิใช่เป็นของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ หากมิได้สังกัดพรรคพลังประชารัฐก็คงไม่ยืดเยื้อ เรื้อรัง อย่างที่เห็นๆ กัน

เห็นๆ กันจากบทบาทกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เห็นๆ กันจากบทบาทของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ อันถือกันว่าเป็น “องค์กรอิสระ”

เพราะว่าที่ดินนี้เป็นของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์

เพราะว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งยังมิได้เป็น ส.ส.อย่างธรรมดา หากแต่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นกำลังสำคัญ ในทางการเมือง

ต้องยอมรับว่านับแต่พรรคพลังประชารัฐก่อรูป เป็นรัฐบาลเป็นฐานกำลังส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ถือเป็น “กำลัง” สำคัญ

ไม่เพียงเป็นกำลังสำคัญในการหนุนเสริมเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หากยังเป็นกำลังสำคัญในการออกไปต่อกรกับพรรคฝ่ายค้านในทางการเมืองอย่างเข้มข้น เอาจริงเอาจัง

ไม่ว่าจะกับประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.

ไม่ว่าจะกับพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเกาะติดและตามราวีอย่างชนิดต่อเนื่องกับน.ส. กรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่

บทบาทเช่นนี้เองทำให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้เป็นองค์ประกอบสำคัญภายในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ

ตรงไหนมีปัญหา มีอุปสรรค ก็ส่งเข้าไปแก้

ไม่เช่นนั้น สังคมก็คงไม่เห็นการเดินเข้าไปเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อดำเนินการปลดประธาน

ตรงนี้แหละทำให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ มีภูมิคุ้มกัน

แม้กรณียึดครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่เป็นเรื่องที่โจ่งแจ้งมีหลักฐานจากการเสนอบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.เป็นที่ประจักษ์ แต่แต่ละหน่วยงาน ก็ไม่อาจแตะหรือทำอะไรได้

กระนั้น ด้านหนึ่ง สังคมรับรู้ในจุดแข็งอันเป็นพลานุภาพ ทางการเมืองของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อย่างแจ้งชัด แต่อีกด้านหนึ่ง สังคมก็รับรู้ในลักษณะเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน

หากเป็นชาวบ้านธรรมดาติดคุกไปแล้ว

แต่เมื่อเป็น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ แต่เมื่อเป็นส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้รับการปกป้อง คุ้มครอง กระทั่งมือแห่งกฎหมายมิอาจแตะได้

นี่คือกระบวนการ “สองมาตรฐาน” ที่เด่นชัด โจ่งแจ้งที่สุด

อ่านข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน