ไพบูลย์ นิติตะวัน ตอกย้ำ ท่าที พลังประชารัฐ ต่อ “รัฐธรรมนูญ”
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ไพบูลย์ นิติตะวันตอกย้ำท่าทีพลังประชารัฐ : ไม่ใช่ นายสุชาติ ตันเจริญ หรอกที่พรรคพลัง ประชารัฐต้องการให้ไปชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์
หากแต่เป็น นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ต้องยอมรับว่า ระยะหลัง นายไพบูลย์ นิติตะวัน แสดงบทบาทเป็น “อัศวินม้าขาว” ของพรรคพลังประชารัฐอย่างแหลมคมยิ่ง
ไม่ว่าการเสนอจุดบกพร่องของพ.ร.บ.คำสั่ง “เรียกตัว” ของคณะกรรมาธิการ
อย่างน้อยการส่งเรื่องไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินก็ทำให้มีการส่งพ.ร.บ.คำสั่งเรียกตัวของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
อย่าได้แปลกใจหากจะมีข่าวว่ามีการตกลงกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคชาติพัฒนาในการส่ง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ในคณะกรรมาธิการป.ป.ช.แทน นายดล เหตระกูล
เท่ากับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ขึ้นอันดับไปอีกขั้น
ไม่เพียงแต่จะไปปฏิบัติการชำระล้างในคณะกรรมาธิการซึ่ง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และ นายสิระ เจน จาคะ กระทำไม่สำเร็จให้ลุล่วงไปได้
สมตามยุทธศาสตร์เปลี่ยนตัว “ประธาน”
จึงมิได้เป็นเรื่องแปลกอย่างเหนือความคาดหมายที่พรรคพลังประชารัฐจะกำหนดบทบาทใหม่ให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไปชิงดำกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้รับความไว้วางใจจากคสช.เป็นอย่างสูง เห็นได้จากการได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) หลังรัฐประหาร
ขณะเดียวกัน ท่าทีต่อ “รัฐธรรมนูญ” ก็แจ่มชัด
นายไพบูลย์ นิติตะวัน มีความคิดจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปตั้งแต่เห็นความสำเร็จที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชา มติด้วยคะแนนกว่า 16 ล้านเมื่อเดือนสิงหาคม 2559
เขาจึงแน่วแน่ต่อรัฐธรรมนูญเป็นอย่างสูง
การผลักดันให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไปชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงมีความเหมาะสมในทิศทางของพรรคพลังประชารัฐ
ความเหมาะสมอย่างที่สุดก็คือ การเสนอชื่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าไปเท่ากับเป็นการยืนหยัด ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่มีความต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แม่จะประกาศเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วน
หากคณะกรรมาธิการเลือก นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานแทนที่จะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเท่ากับเป็นการตอกย้ำและยืนยัน
ว่านโยบายก็เสมอเป็นเพียง “น้ำยาบ้วนปาก”