เข้าใจ เห็นใจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ด้านเศรษฐกิจ
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
เหมือนกับปัญหาที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประสบกับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจแต่ละกระทรวงจะเป็นปัญหาใหม่ ปัญหาอันเพิ่งเกิดขึ้น
ไม่ใช่หรอก
ปัญหาที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประสบในเรื่องการประสานงานเป็นปัญหาอย่างเดียวกับที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เคยประสบและสรุปออกมาสั้นๆ ว่า
เป็นปัญหาอันเนื่องจาก “แบ่งแยกแล้วปกครอง”
หากย้อนกลับไปศึกษาครม.เศรษฐกิจยุค ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล เปรียบเทียบกับครม.เศรษฐกิจยุค นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็จะประจักษ์ในสภาพความ เป็นจริง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ใหม่หมาด
สังคมมองว่าเป็นคนดูแลงานด้าน “เศรษฐกิจ”
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อาจประสานไปยังกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงานได้ แต่ก็ยังมีปัญหากับบางกระทรวง
เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม
เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นสายตรงกับนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นสายตรงกับนายกรัฐมนตรี
เมื่อเห็นว่าการเป็นรองนายกรัฐมนตรีของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นปัญหาก็ต้องมีการปรับครม. แต่งตั้ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็นแทนในเดือนสิงหาคม 2558
ผลก็แทบมิได้แตกต่างกัน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อาจประสานไปยังกระทรวงการคลัง ไปยังกระทรวงพาณิชย์ ไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมได้
แต่ก็ยังมีหลายกระทรวงที่ทำไม่ได้
เพราะว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็เป็นสายตรงกับนายกรัฐมนตรี เพราะว่ากระทรวงคมนาคมก็ยังสายตรงกับนายกรัฐมนตรี
ความสำเร็จและความล้มเหลวทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งมาถึงก่อนเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็เป็นเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็น “หม่อมอุ๋ย” ไม่ว่าจะเป็น “สมคิด”
เพราะในที่สุดแล้ว รองนายกรัฐมนตรีก็เพียงแต่แตะเข้าไปได้บางกระทรวง และด้านหลักอยู่ในการกำกับ และควบคุมโดยนายกรัฐมนตรี
เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ วันนี้ก็เป็นเช่นนี้