เทียบเคียงบทบาทเดินเชียร์ลุง กับ “วิ่งไล่ลุง”ภายใน ความต่าง
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
เทียบเคียงบทบาทเดินเชียร์ลุง : ท่าทีของกลไกแห่ง “อำนาจรัฐ” ต่อกิจกรรมสุขภาพ “วิ่งไล่ลุง” ที่สวนรถไฟ กับ กิจกรรม “เดินเชียร์ลุง” ที่สวนลุมพินี แตกต่างกัน
แตกต่างอย่างไม่ธรรมดา หากเหมือนฟ้ากับเหว
ต่อกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” แม้จะเป็นเรื่องในทางสุขภาพ แต่ตลอด 2 รายทางมากไปด้วยอุปสรรค มากไปด้วยการพยายามสกัดและขัดขวาง
ไม่ว่าจะเป็นที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงแรมย่านราชดำเนิน
ตรงกันข้าม กิจกรรม “เดินเชียร์ลุง” ได้รับการหลิ่วตา เปิดไฟเขียวผ่านตลอด สน.ลุมพินีไม่เคยไปสอบถาม ไม่เคยเรียกตัวไปคุย เดินหน้าได้เต็มพิกัด
ยิ่งมองอย่างหยั่งลึกลงไปภายในโครงสร้างและกระบวนการ ยิ่งสัมผัสได้ในความต่าง ยิ่งก่อให้เกิดความแคลงคลางและกังขาตามมา
“วิ่งไล่ลุง” มีการลงทะเบียน และต้องเสียค่าลงทะเบียน
“เดินเชียร์ลุง” มีการลงทะเบียนเหมือนกัน แต่ทุกอย่างฟรีหมด ไม่มีการเรียกเก็บค่าทะเบียน เสื้อก็ได้ฟรี การอำนวยความสะดวกครบครัน
แกนนำ “วิ่งไล่ลุง” เปิดหน้า เปิดตา อยู่ในที่สว่าง
ตรงกันข้าม แกนนำ “เดินเชียร์ลุง” อย่างที่เรียกขานว่า “แอดมิน” ไม่บ่งบอกว่าเป็นใคร ไม่แสดงหน้าแสดงตาอย่างเปิดเผย หากแต่ลับๆ ล่อๆ
อาจเป็นเพราะ “เดินเชียร์ลุง” บังเกิดขึ้นภายหลังกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” จุดต่างอย่างสำคัญระหว่างการเดินกับการวิ่งจึงฉายสะท้อนออกอย่างเป็นรูปธรรม
“เดินเชียร์ลุง” ปักหลักอยู่ “สวนลุมพินี”
“วิ่งไล่ลุง” อาจถูกกดดันกระทั่งต้องย้ายออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่ในที่สุดก็ได้รับอนุญาตจาก “สวนรถไฟ” เขตจตุจักร
“วิ่งไล่ลุง” ยิ่งวัน ยิ่งแพร่กระจายออกไปในต่างจังหวัด
จนถึงวันที่ 9 ตุลาคมกระจายออกไป 37 จังหวะ ไม่ว่าจะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ว่าจะทางภาคเหนือ ไม่ว่าจะทางภาคใต้ ไม่ว่าจะทางภาคกลาง
หากมองทางด้าน “กระแส” หากมองผ่านกระบวนการไหวเคลื่อนทางด้าน “การข่าว” ต้องยอมรับว่ากิจกรรมสุขภาพ “วิ่งไล่ลุง” ประสบผลสำเร็จ
มีคนพูดถึงมากกว่า “เดินเชียร์ลุง”
ยิ่งกว่านั้น การเคลื่อนไหว การจัดตั้งดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ มีจุดเริ่มต้นจากความเป็นไปเองของประชาชน ขยายตัวไปในลักษณะแบบนิวเคลียส
สำเร็จหรือล้มเหลวสัมผัสได้ในวันที่ 12 มกราคม