คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

หากข่าวกลับพรรคเพื่อไทยของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นความจริง

สะท้อนให้เห็นว่าการปรับ “โครงสร้าง” พรรคเพื่อไทยในเดือนตุลาคม มิได้เป็นเรื่องเล่นๆ ในทางการเมือง ตรงกันข้าม เป็นเรื่องประเภทซีเรียส เครียดเคร่ง

เรื่องนี้ต้องชม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

เรื่องนี้ที่ต้องชมอย่างที่สุดย่อมเป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้อาวุโสของพรรคที่สามารถปรับตัวรับกับสถานการณ์ใหม่ทางการเมืองได้อย่างกลมกลืน

นี่ย่อมเป็นก้าวใหม่ ก้าวสำคัญสำหรับพรรคเพื่อไทย

ต้องยอมรับว่าในห้วง 1 ปีที่ผ่านมามีรอยร้าวภายในพรรคเพื่อไทยอย่างสำคัญ

หากไม่มีรอยร้าวเหตุใด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งเคยเป็น 1 แคนดิเดตของพรรคในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงต้องถอยออกมาอยู่ข้างนอก

แม้จะอ้างว่าเพื่อลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.ก็ตาม

หากไม่มีรอยร้าวเหตุใด นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จึงต้องออกมาตั้ง “กลุ่มแคร์”

ทั้งที่อยู่มาตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย

สัญญาณการหวนกลับพรรคเพื่อไทยของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงทรงความหมาย

หาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หวนกลับและ ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อไทยจริงเท่ากับ แสดงให้เห็นถึงการประสานรอยร้าวที่เคยเกิดขึ้น

โดยการยอมรับและจิตใจอันกว้างขวางของ “คุณหญิง”

สัญญาณของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ย่อมสะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่หลายคนใน “กลุ่มแคร์ คิดขับเคลื่อน ไทย” ก็จะเข้าไปมีบทบาทร่วมในการขับเคลื่อนพรรค เพื่อไทย

นี่คือแม่เหล็กที่จะดูดดึง “คนรุ่นใหม่” เข้ามา

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในพรรคเพื่อไทยเท่ากับยอมรับในความจริง

ยอมรับว่าบทบาทของพรรคอนาคตใหม่ก่อนและหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เป็นบทบาทที่ส่งผลสะเทือนอย่างเป็นจริงในทางการเมือง

นี่คือคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดสำหรับพรรคเพื่อไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน