คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ในที่สุดแล้ว สถานการณ์การชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคมจะเป็น “คำตอบ”ทางการเมือง
ท่ามกลางการคาดหมายจาก“เกจิ”ทางการเมือง ไม่ว่าจะจากที่เคยอยู่ในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะจากที่เคยอยู่ในแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
ฟันธงว่า ปริมาณการเข้าร่วมจะลดลง
ประเมินจากข้อเรียกร้องที่สูงเกินไปและเป็นไปไม่ได้ ประเมินจากสถานการณ์ที่พันธมิตรในแนวร่วมถอยตัวออกและทำให้พลังที่เคยมีฝ่อลง ฝ่อลง
ความเชื่อมั่นเช่นนี้เป็น “ด้านลบ” แต่ก็ควรล้างหูน้อมรับฟัง

ทําไมความเชื่อมั่นจึงให้น้ำหนักไปยัง “คนเสื้อแดง” และทิศทางของ “พรรคเพื่อไทย”
ทั้งหมดนี้มีพื้นฐานมาจากภาพเดียวสะท้านไปทั้งเมืองของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ ณ ศิริราชพยาบาล เมื่อวันที่ 24 กันยายน เป็นหมุดหมายสำคัญ
เท่ากับเห็นว่าตระกูล “ชินวัตร” ยังมีบทบาทและมีความหมาย
อย่างน้อยก็เชื่อว่าทำให้พรรคเพื่อไทยถอยห่างออกจากการเคลื่อนไหว อย่างน้อยก็เชื่อว่าทำให้การเข้าร่วมของ “คนเสื้อแดง”จะลดน้อยถอยลง
ความเชื่อนี้อยู่บนฐานคิดว่าใครกันแน่เป็น “ท่อน้ำเลี้ยง”

หากความเชื่อมั่นเป็นไปตามความคาดหมายจากภาพเมื่อวันที่ 24 กันยายน
สถานะและการดำรงอยู่ของ “เยาวชนปลดแอก” ก็น่าแคลงใจ สถานะและการดำรงอยู่ของ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”ก็ไม่น่าไว้วางใจ
นั่นก็คือ แทบไม่แตกต่างไปจาก “เสื้อแดง” เมื่อปี 2553
ที่ว่า นายเฟซบุ๊ก นายทวิตเตอร์ ตลอดจน นางยูทูบ และ นางไลน์ ดำรงอยู่ในฐานะเป็นหลังพิงให้กับการเคลื่อนไหวและการชุมนุมของเยาวชนก็เป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก
เป็นเช่นนั้นจริงละหรือ ทนายอานนท์ นำภา

ปรากฏการณ์การชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 14 ตุลาคมจึงสำคัญ
สำคัญไม่เพียงจะพิสูจน์ความเชื่อมั่นในด้านลบต่อการชุมนุม หากยังสำคัญต่อสถานะและการดำรงอยู่ของ “คณะราษฎร 2563”ในทางเป็นจริง
คำตอบสุดท้ายจึงอยู่ที่วันที่ 14 ตุลาคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน