กลิ่น รัฐประหาร
สถานการณ์ แฮร์รี่ อานนท์
ตั้งแต่ 3 สิงหาคม
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
กลิ่นรัฐประหาร – หากมองจากความจัดเจนทางการเมืองของคนที่เติบใหญ่มาในยุคแห่ง “อนาล็อก”
สถานการณ์ทางการเมืองที่เห็นบรรดา “เยาวชนคนรุ่นใหม่” จัดเดินแฟชั่นขึ้นบนแยกศาลาแดง ถนนสีลม กับที่เห็น “คนเสื้อเหลือง” ออกมาเคลื่อนไหวที่แยกวงเวียนใหญ่ ธนบุรี
เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานก็จะต้องแอน แอ่น แอ๊น
เหมือนกับที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกมาเมื่อเดือนกันยายน 2549 เหมือนกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
นั่นก็คือ จะต้องมีการยึดอำนาจ จะต้องมี “รัฐประหาร”
ยิ่งหากมองอย่างเปรียบเทียบกับความแหลมคมทางการเมืองจากอดีต ยิ่งเห็นชัด
บางคน อาจจะมองว่าสภาพการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ในทุกวันนี้มีจุดเริ่มมาจากการปรากฏขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก” ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเดือนกรกฎาคม
จากนั้นก็แพร่กระจายขยายไปในขอบเขตทั่วประเทศ
เป็นความจริง แต่ที่ชวนให้อกสั่นขวัญหายเป็นอย่างมากมีจุดเริ่มมาจาก ทนายแฮร์รี่ อานนท์ ขึ้นกล่าวคำปราศรัย ณ หน้าแมคโดนัลด์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม
ตามมาด้วยการไปซ้อมอีกครั้งในการชุมนุมที่เชียงใหม่
สภาพการณ์การปราศรัยมิได้ยุติลงเพียง 2 ครั้งนั้นเท่านั้น
เมื่อเข้าสู่สถานการณ์การชุมนุม ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ก็ได้รับการขานรับจาก “น้องรุ้ง ปภัสยา” ในวันที่ 10 สิงหาคม
นี่แหละคือจุดแห่งการทะลุเพดานในทางการเมืองอย่างสำคัญ
จากสถานการณ์วันที่ 10 สิงหาคมนำไปสู่การคาดหมายแนวโน้มมากมาย จากเกจิการเมืองซึ่งเติบใหญ่มาในยุคแห่ง “อนาล็อก” มีความเชื่อเป็นอย่างสูงว่าขบวนการเคลื่อนไหวของ “เยาวชนปลดแอก”
จะต้องพบกับแรงต้านครั้งสำคัญ
แต่แล้วเมื่อเข้าสู่การชุมนุมใหญ่ในวันที่ 16 สิงหาคมของ “เยาวชนปลดแอก”
แทนที่จะเป็นแรงต้าน ตรงกันข้าม จำนวนผู้เข้าร่วมกลับเป็นหลายหมื่น และเช้าวันรุ่งขึ้นก็เกิดปรากฏการณ์ชู 3 นิ้วของนักเรียนอย่างคึกคัก กว้างขวาง
กลิ่นของ “รัฐประหาร” ก็ยิ่งโชยเรื่อยมาจนถึง ณ วันนี้