ความเดือดร้อนของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากกรณีน้ำท่วมกทม.กว่า 50 จุดเมื่อคืนวันที่ 14 ตุลาคม เป็นเรื่องน่าเห็นใจและเข้าใจ

เพราะว่าคนกทม.ส่วนใหญ่ก็ล้วนเคยประสบ

เมื่อเดือนตุลาคม 2554 ก็เคยประสบมาแล้ว และฝันร้ายจากมหาอุทกภัยเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ก็ยังเป็นฝันร้ายของคนกทม.อยู่

เพียงแต่เมื่อปี 2554 มีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

จึงได้เกิดปรากฏการณ์แบบที่สัมผัสได้ผ่านการโพสต์ข้อความของ “หนูดี” แสดงความหงุดหงิดที่ได้ “ผู้นำโง่” มาบริหารบ้านเมือง

การโพสต์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงสามารถเข้าใจได้

กระนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ไม่ว่าจะเป็นในเดือนตุลาคม 2560 ปัญหาในกทม.ก็ยังเป็นปัญหาอันเรียกได้ว่า “เดิม-เดิม”

ตอนนี้อาจไม่มีใครกล้าตำหนิ “รัฐบาล”








Advertisement

แต่ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับก็คือ ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่กทม.ดังที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้ออกมายอมรับอย่างไม่ปัดปฏิเสธ

ถามว่าผู้ว่าฯ กทม.เมื่อเดือนตุลาคม 2554 เป็นใคร

คำตอบก็คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และหากถามต่อไปอีก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มาจากพรรคการเมืองใด

ก็โป๊ะเช๊ะ

ต้องยอมรับว่าหลังยุค นายสมัคร สุนทรเวช การบริหารกทม.ล้วนอยู่ในกำมือของพรรคประชาธิปัตย์และอยู่มาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน

แม้กระทั่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง

ก็เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าฯ ในยุคของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ถือว่าเป็นทีมเดียวกันกับทีมของพรรคประชาธิปัตย์

ถามว่าแล้วใครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

การออกมาร้องอุทธรณ์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเท่ากับเป็นการอุทธรณ์ต่อคนกันเองหรือพวกเดียวกัน

เท่ากับ “ขว้างงู” ไปพัน “ประชาธิปัตย์”

การที่มีการรัฐประหารโค่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การที่มีการรุกไล่กระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

สภาพการณ์นี้กลับทำให้ปัญหามีความแจ่มชัด

ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดเรื่องยุ่งยากก็สามารถ “โบ้ย” เข้าใส่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อย่างสบายปาก สบายมือ เหมือนที่เคยทำกันมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร

แต่ ณ ปัจจุบัน กลับทำไม่ได้อีกแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน