คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
โดมิโน การเมือง – การต่อสู้ทางการเมืองในแต่ละแห่งดำเนินไป 1 ส่องทาง และ 1 ส่งผลสะเทือน
กล่าวระหว่างการเมืองในไทยกับการเมือง ในพม่ามีความเด่นชัดว่าไม่เพียงแต่จะช่วย “ส่องทาง” หากแต่ยังส่ง “ผลสะเทือน” อย่างกว้างขวางและ ลึกซึ้ง
เช่นเดียวกับ การลุกขึ้นของ “ชาวฮ่องกง”
มิใช่เพราะ “ฮ่องกงโมเดล” หรอกหรือที่ทำให้เกิดการสร้างสรรค์กระทั่งกลายเป็น “ไทยโมเดล” และมิใช่เพราะมีการสร้างสรรค์ในแบบ “ไทยโมเดล”
ความคึกคักใน “พม่าโมเดล” จึงย้อนกลับมาส่องทางให้กับไทย
เพราะลักษณะส่องทางในแบบผลสะเทือนเช่นนี้เอง ผู้นำเผด็จการจึงหวาดเกรง
ทำไมนักการเมืองที่ต้องการครองอำนาจอย่างยาวนานอย่าง สมเด็จฮุน เซน จึงไม่แฮปปี้นักหากว่าการเคลื่อนไหวของเยาวชนไม่ว่าในไทย ไม่ว่าในพม่า ประสบผลสำเร็จ
เพราะอาจกลายเป็น “โดมิโน” ไปยังกัมพูชา
เนื่องจากสภาพการณ์การเมือง การปกครอง ในกัมพูชา อยู่ในอำนาจของ สมเด็จฮุน เซน อย่างต่อเนื่อง นับแต่เดือนมกราคม 2522 เมื่อเวียดนามรุกเข้าโค่นพอลพต
จากมกราคม 2522 ถึงมีนาคม 2564 ก็ 40 กว่าปี ได้
สถานการณ์การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในพม่านับแต่เดือนกุมภาพันธ์จึงละเอียดอ่อนยิ่ง
ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดทางให้กับ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ไหล่ ค่อนข้างกว้าง มิได้เป็นความสัมพันธ์ในสถานะของนักรัฐประหารประการเดียว
หากอยู่ที่ว่าไทยกับพม่าประชิดติดชายแดน
เมื่อใดที่รัฐประหารของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ไหล่ ประสบความเพลี่ยงพล้ำได้อำนาจแต่ไม่อาจ ปกครองได้มีหรือที่จะไม่ส่งผลสะเทือนมาถึงไทย
ตรงนี้ต่างหากก่อให้เกิดสภาพการณ์พิเศษทางการเมือง
จึงกลายเป็นว่า ไม่ว่ารัฐบาลพม่า ไม่ว่ารัฐบาลไทย ดำรงอยู่ในลักษณะ “คู่แฝด”
ไม่เพียงเพราะเป็นรัฐบาล “ทหาร” อย่างเดียว หากแต่ยังเป็นรัฐบาลทหารที่สืบทอดอำนาจ ผ่านกระบวนการ “รัฐประหาร” ก่อความไม่พอใจในทางสังคม
การเคลื่อนไหวในพม่าจึงสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวในไทย