คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ขยับ ขับเคลื่อน – กระแสการออกมาต่อต้านคำประกาศของ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ สามารถเข้าใจได้

 

ไม่ว่าจะดังออกมาจากภายใน “ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าจะดังออกมาจากภายใน “พรรคพลังประชารัฐ” เพราะว่าคำประกาศของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ มีความแจ่มชัด

แจ่มชัดว่าพุ่งเข้ายอดอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

การรื้อฟื้นภาพอันเลวร้ายของ “คนเสื้อแดง” เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 จึงปรากฏผ่านเพจและพื้นที่ของหน่วยปฏิบัติการไอโอด้านการข่าวจึงเริ่มคึกคัก

โดยเฉพาะการป้ายสีผ่านคำขวัญ “สู้แล้วรวย”

การโยงปฏิบัติการของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไปยัง นายทักษิณ ชินวัตร จึงหวนกลับมา

เป็นไปได้ว่าอาจจะเข้าไปยึดครองพื้นที่ทางการเมืองแทนการโจมตี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก็เป็นได้

เป็นการระบุว่า “จตุพร” รับงานมาจาก “ทักษิณ”

เป็นการพยายามโยงบทบาทและการเคลื่อนไหวของ พี่โทนี่ วู้ดซัม ให้สัมพันธ์กับการออกโรงของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน

ทั้งๆ ที่ 2 คนนี้แยกวงกันตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2563 แล้ว

จํากันได้หรือไม่ว่าการสวนทางกันระหว่าง “ทักษิณ” กับ “จตุพร” ชัดเจนแจ่มแจ้งอย่างไร

เพราะเมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาเชียร์ ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่ของพรรคเพื่อไทย แต่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ กลับออกมาเชียร์ฝ่าย ตรงกันข้าม

เชียร์ถึงขนาดมาปักหลักอยู่ “เชียงใหม่” ก่อนเลือกตั้ง

นั่นคือการปะทะอย่างรุนแรงและเหลือเชื่อระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร กับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อันนำไปสู่การแยกข้างเลือกฝ่ายภายใน “นปช.” ด้วยกัน

จึงยากยิ่งที่ “จตุพร” จะหวนกลับไปรับ ออร์เดอร์จาก “ทักษิณ” ได้

ไม่ว่าจะมองอย่างไร บทบาทและความหมายของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ยังเข้ม

หากไม่เข้มจะมีเสียงวิพากษ์ดังมาจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ละหรือ หากไม่เข้มจะมีเสียงป้ายสีดังอย่างต่อเนื่องมาจากภายใน “พรรคพลังประชารัฐ” หรือ

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายนจึงน่าจับตาอย่างยิ่งยวด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน