คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ไวรัล การเมือง – ก็บอกแล้วว่า ปฏิบัติการ “ยืน หยุด ขัง” จะกลายเป็น “ปรากฏการณ์” ร้อนแรง

ยิ่งเมื่อเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิดรอบที่ 3 แทนที่จะทำให้ความร้อนแรงนี้จางหายไปอย่างรวดเร็วกับมาตรการเข้ม

โดยเฉพาะการกำหนดมิให้มีการชุมนุม 50 คน ขึ้นไป

“กลุ่มพลเมืองโต้กลับ” ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง”ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม เรื่อยมาจนถึงวันที่ 20 เมษายน ก็ปรับตัวให้เข้ากับมาตรการอย่างรวดเร็ว

ประกาศ ยืนเพียง 40 คนหน้าศาลฎีกา

คําประกาศนี้เหมือนกับจะ “จำกัด” จำนวนคนที่เข้าร่วม หากแต่มีลักษณะยืดหยุ่น

การยืดหยุ่นของ “กลุ่มพลเมืองโต้กลับ” ก็คือ ปฏิบัติการ “ยืน หยุด ขัง” มิได้มีแต่เฉพาะบริเวณ หน้าศาลฎีกา หากแต่ขยายออกไปเรื่อยๆ หากมีคนเข้าร่วม

อาจจะมีหย่อม 40 ยืนกระจายไปโดยรอบ

จึงแทนที่ปรากฏการณ์ “ยืน หยุด ขัง” จะต้องเดี้ยงหรือต้องหยุดการเคลื่อนไหว ตรงกันข้าม กลับสร้างความคึกคักให้กับมวลชนที่เข้าร่วมมากยิ่งขึ้น

เพราะหย่อม 40 หลายๆ หย่อมได้ปรากฏ ตามมา

จากนี้จึงเห็นได้ว่า กิจกรรมที่สอดรับกับ “อุณหภูมิ” ทางสังคมย่อมเติบใหญ่ ขยายตัว

ดังที่รับรู้กันเป็นลำดับก็คือ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม อาจมีการ “ยืน หยุด ขัง”เพียงแต่บริเวณหน้าศาลฎีกาด้วยจำนวนคนต่ำกว่า 10 ด้วยซ้ำไป

แต่เมื่อถึงวันที่ 14 เมษายน ก็เพิ่มเป็น 400 กว่าคน

ยิ่งกว่านั้น ยังปฏิบัติการ “ยืน หยุด ขัง” ที่เชียงใหม่ อุบลราชธานี พระนครศรีอยุธยา ลำพูน ลำปาง และตามหน้ามหาวิทยาลัยหลายแห่ง

กลายเป็น “ไวรัล” และดำเนินไปในแบบ ”แฟรนไชส์ ” การเมือง

ความเงียบที่ปรากฏในเบื้องต้นเพียงไม่ถึง 1 เดือนก็กลายเป็นความอึกทึก ครึกโครม

เป็นความอึกทึกในท่ามกลางการเคลื่อนไหว อย่างสงบ มีเพียงการยืน มีเพียงการแขวนป้ายและยืนนิ่ง ไม่มีเวที ไม่มีการปราศรัย

จะส่งเสียงบ้างก็ในตอนจบ “ปล่อย เพื่อนเรา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน