คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
วาระ 7 ปี “รัฐประหาร” – ปรากฏการณ์ 7 ปีรัฐประหาร สะท้อนสภาพการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน
นั่นก็คือ การเมืองในสถานการณ์ “โควิด” การเมืองในบริบทแห่งการประกาศและบังคับใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
การเมืองในสถานการณ์สกัดขัดขวาง การเคลื่อนไหว
การเคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ล้วนถูก “คิดบัญชี” ถ้วนหน้า ไม่ว่าแกนนำ ไม่ว่ามวลชนต้องคดีกันระนาว
ข้อจำกัดนี้บีบให้ไปเคลื่อนไหวทาง “โลกออนไลน์”
แท้จริงแล้ว โลก “โซเชี่ยล มีเดีย” คือโลกที่เยาวชนคนรุ่นใหม่คุ้นชินอย่างยิ่ง
พวกเขาเติบโตในยุคหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ในยุคหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 จึงสันทัดอย่างยิ่งปราดเปรียวอย่างยิ่งกับโลกออนไลน์
การเติบใหญ่พัฒนาของ “อนาคตใหม่” ก็มาจาก “โซเชี่ยล มีเดีย”
เกิดปรากฏการณ์ “ฟ้ารักพ่อ” ก่อให้เกิดปรากฏ การณ์คนรุ่นใหม่พาเหรดกันไปลงคะแนนเสียงเลือกคนของพรรคอนาคตใหม่จนได้ชัยเหนือพรรคประชา ธิปัตย์
เมื่อยุบพรรคอนาคตใหม่จึงเกิด “แฟลชม็อบ” ตามมา
การเมืองในยุคแห่ง “โควิด” การเมืองในยุคสถานการณ์ “ฉุกเฉิน” จึงมากด้วยความแหลมคม
ที่เคยมีการนินทาว่าร้ายประสานกับการประชดประเทียดเสียดสีว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เสมอเป็นเพียงนายกฯออนไลน์
โอกาสที่เป็นนายกรัฐมนตรี “จริง” ยังอยู่อีกยาวไกล
กระนั้น หากติดตามการเคลื่อนไหวในโซเชี่ยล มีเดีย แม้กระทั่งบทบาทของ Tony Woodsome ก็ทะลุทะลวงผ่านพื้นที่ของ “คลับเฮาส์” ในโลกแห่งออนไลน์ มิใช่หรือ
จะแปลกอะไรหาก ณ วันนี้ บทบาทของออนไลน์จะสูงเด่น
ไม่มีใครตอบได้หรอกว่าพัฒนาการการเคลื่อนไหวใน “ออนไลน์”จะดำเนินไปอย่างไร
หากดูจากความร้อนรนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มมาตรการมากมายเพื่อเล่นงานนักเลงคีย์บอร์ดอยู่ในขณะนี้ก็เริ่มเห็นชัด
ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เริ่มร้อนรุ่มกระวนกระวายใจ