คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
แล้วมาตรการ “ล็อกดาวน์” ก็หวนกลับมาเป็น “เครื่องมือ” ของรัฐบาลจนได้
ไม่ว่าจะพยายามเลี่ยงไปใช้คำว่ามาตรการ “เข้ม” แต่บทเรียนและประสบการณ์ของคนไทยก็ตอบตัวเองได้ว่า นี่คือมาตรการ “ล็อกดาวน์”
เป็นความจัดเจนจากเมื่อเดือนมีนาคม 2563
คำถามก็คือ ผลสะเทือนและความต่อเนื่องจากมาตรการ “ล็อกดาวน์” ที่เริ่มต้นจากกรุงเทพมหานครนำไปสู่บทสรุปและคำตอบอย่างไร
นั่นสัมผัสได้จาก “ล็อกดาวน์” ในเดือน “กรกฎาคม”
มาตรการ “ล็อกดาวน์” เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
เป็นความสำเร็จอันทำให้การต่อสู้กับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเสียงยกย่องทั้งในประเทศและในทางสากล
เมื่อเทียบกับอิตาลี เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา หรือสหราชอาณาจักร
แต่แล้วเมื่อสหราชอาณาจักร เมื่อสหรัฐอเมริกา เมื่ออิตาลี เข้าสู่ปกติภาพมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ แล้วเหตุใดประเทศไทยจึงต้องหวนไปยังจุดเริ่มต้น
จะเรียกหรือว่ามาตรการ “ล็อกดาวน์” เป็นความสำเร็จ
สภาพการณ์ ณ เดือนกรกฎาคม แตกต่างไปจากเมื่อเดือนมีนาคมอย่างแน่นอน
ที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางก็คือ สถานะและเกียรติภูมิของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถดถอยน้อยลงอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
มีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้อยมาก
ครั้งหนึ่งเมื่อเปล่งคำ “นะจ๊ะ นะจ๊ะ” พร้อมกับ ชูนิ้วรูปตัววี สายตาที่มองเปี่ยมด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอมาถึง ณ วันนี้กลับเป็นตรงกันข้าม
แทนที่จะเป็น “คนน่ารัก” กลับกลายเป็นเหมือน “ตัวตลก”
สถานะและเกียรติภูมิของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงน่าเป็นห่วงและล่อแหลม
เพราะอารมณ์ “ร่วม” ในทางสังคมสะท้อน แนวโน้มเป็นไปในทางปฏิเสธมากกว่าที่จะเห็นชอบ แม้กระทั่งคนที่เคยเป็น “กองหนุน” มาอย่างยาวนาน
คำถามอยู่ที่ว่า “ล็อกดาวน์” จะสำเร็จหรือว่าเป็นไปในทางตรงกันข้าม