ขัดแย้ง แตกแยก
รัฐบาล พลังประชารัฐ
ขยาย ปลายบาน : วิเคราะห์การเมือง
ไม่ว่าคนใน “ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าคนใน “พลังประชารัฐ” จำเป็นต้องทบทวน ศึกษา
ศึกษาถึง “มูลเชื้อ” อันก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก ทางการเมือง ทบทวนถึงรากที่มาและการสะสมกระทั่งปะทุกลายเป็น “ความรุนแรง” ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นั่นก็คือ คำสั่ง “ปลด” 2 รัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
นั่นคือ รูปธรรมอันเด่นชัดยิ่งที่สะท้อนความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์
“นายกรัฐมนตรี” กับรัฐมนตรีจาก “พลัง ประชารัฐ”
คําสั่งนี้สัมพันธ์กับสถานการณ์ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
เห็นได้จากแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ามีการเคลื่อนไหว “ล้ม” ตน เห็นได้จากแถลงจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ปฏิเสธว่าไม่มีอยู่จริง
จากนั้นก็มีการตกลง “ร่วม” ระหว่างทำเนียบรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แสดงบทบาทในการทำความเข้าใจและจัดพิธีกรรมให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวคำขอโทษต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ด้วยความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่าเรื่องน่าจะจบ
พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากรัฐมนตรีคือดัชนีชี้วัด
เป็นการชี้วัดว่าเรื่องมิได้จบ เพราะพระบรมราชโองการนี้มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในฐานะนายกรัฐมนตรี
เท่ากับเป็นความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่เพียงแต่เป็นการดำเนินการหลังจากมีการกล่าวคำขอโทษและคะแนนเสียงพรรคพลังประชารัฐเป็นเอกภาพ หากที่สำคัญมิได้ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ในสถานะ “ผู้รับทราบ” เท่านั้น
หากมีการศึกษา หากมีการทบทวน “ความนัย” ก็จะสัมผัสได้ในลักษณะบานปลาย
นั่นก็คือ บานปลายจากที่ขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ตรงนี้ต่างหากที่ “แหลมคม” และมีโอกาส “ร้อนแรง”