กระบวนการไหลเลื่อนของข่าวการตรวจจับอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดอาจเป็นเรื่องอึกทึก ครึกโครม ในเบื้องต้น แต่ก็ค่อยๆ เงียบหายจางจากไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งๆ ที่มี “ตัวละคร” น่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นการเอ่ยถึง นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ขึ้น และก็ตามมาด้วย นายจักรภพ เพ็ญแข และ พล.ท.มนัส เปาริก

แต่ละคนล้วนแต่ “บิ๊กเนม” ทั้งสิ้น

อาจมีความพยายามโยงกรณีของอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดไปสร้างความชอบธรรมต่อการที่คสช.ไม่ปลดล็อกให้กับพรรคการเมือง แต่ก็มาเร็วและไปไวเป็นอย่างมาก

น่าคิด

หากประเมินผ่านท่าทีไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ประเมินบทบาทและความหมายเอาไว้ค่อนข้างสูง

ไม่สูงคงไม่สัมผัสได้ถึงการขยายผล








Advertisement

แต่กรณีนี้ก็มี “จุดอ่อน” มากมายค่อยๆ เผยแสดงออกมา อันทำให้นำไปสู่ความโน้มเอียงที่จะเห็นว่าเป็นการจัดฉาก และจัดหาแพะมาเป็นสะพานเชื่อม

เริ่มจากเป็นการพบในบ่อกลางทุ่งนา ที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

ตามมาด้วยการระบุว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ และก็เน้นไปยังสถานการณ์ในปี 2557

ชื่อตัวละครและเหตุการณ์สะท้อน “กลิ่นเก่า”

ปรากฏว่าเมื่อมีการปล่อยตัว นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร พร้อมกับคำปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ตามมาด้วยการเข้ามอบตัวของ พล.ท.มนัส เปาริก ที่กองปราบปราม

ทำให้ความเข้มในตอนต้นเริ่มจางคลาย

จางคลายเพราะคำปฏิเสธของ นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร ต่อของกลางที่ฉะเชิงเทรา จางคลายเพราะทางกองปราบปรามยินยอมให้มีการประกันตัว พล.ท.มนัส เปาริก

หากไม่ได้รับ “ไฟเขียว” การประกันตัวก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น

ยิ่งปฏิกิริยาที่มาจาก นายจักรภพ เพ็ญแข ยิ่งรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ ถึงขนาดพร้อมเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ตรงนี้นับเป็นเรื่องแปลก

ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ ปรากฏเป็น “ข่าว”

ความเงียบหายของกรณีการตรวจจับอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา จึงกลายเป็นเรื่องผิดปกติอย่างเหลือเชื่อ

น้ำหนักที่พยายามโยงไปให้เป็นเหตุผลเรื่องปลดล็อกก็เบาลง

ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท หรือบรรดาโฆษกทั้งหลายก็แทบไม่ได้ให้ความสนใจ

เมื่อไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการขยายผล จึงเงียบหายไปในที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน