สถานะ การเมือง
ของ ธรรมนัส พรหมเผ่า
มองจาก ประยุทธ์
มีความต้องการ “รุก” เข้าไปจัดระเบียบภายในพรรคพลังประชารัฐอย่างเด่นชัด
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไม่เคยประกาศ แต่บทบาทและการเคลื่อนไหวสำแดงออกอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ถามว่าทำไมถึงมีการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจาก “รัฐมนตรี”
ความหมายอย่างเด่นชัดก็เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถทำงาน “ร่วม” กับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้
เป้าหมายแท้จริงย่อมมิได้จำกัดเพียงตำแหน่ง “รัฐมนตรี”
สถานการณ์ทางการเมืองนับแต่วันที่ 8 กันยายนเป็นต้นมาจะพิจารณาจากตรงไหน
พิจารณาเพียง “กัปปิยโวหาร” ระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เป็นเรื่องที่ผิวเผินฉาบหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ต้องดูจากความต้องการอย่างแท้จริงในทางการเมือง
ต้องดูจากบรรดา “รัฐมนตรี” ที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในห้วงที่ออกเดินสาย ไม่ว่าสมุทรปราการ ไม่ว่านครศรีธรรมราชดำเนินไป อย่างไร
ล้วนแต่มีอาการเขม่นต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทั้งสิ้น
ในที่สุด เรื่องทั้งหมดก็ไปกองรวมอยู่บนหน้าตักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
มิใช่ในฐานะ “รองนายกรัฐมนตรี” หากแต่ ในฐานะ “หัวหน้าพรรค” พลังประชารัฐอันเป็น ฐานกำลังอย่างแท้จริงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พรรคพลังประชารัฐที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการ
ตราบใดที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังไม่จัดการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสถานะของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ภายในพรรค ตราบนั้นความสงสัยก็ยังดำรงอยู่
เป็นความสงสัยจากปีก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงยังไม่มีหลักประกันอย่างมั่นคงเพียงพอ
สถานะของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในพรรคพลังประชารัฐต่างหากที่ได้กลายเป็นดั่ง “หนอน” อยู่ในหัวใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กลายเป็น “เป้าหมาย” กลายเป็น “ปรปักษ์” ทาง การเมือง
