หนทาง ขรุขระ – สถานการณ์เลือกตั้ง “ซ่อม” เป็นเรื่องที่พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็กต้องทำความเข้าใจ เพราะยิ่งการปะทะระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ ดุเดือดและรุนแรงมาก เพียงใด ก็ยิ่งส่งผลสะเทือนมากเพียงนั้น เข้าทำนอง “ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ” ยิ่งหากมองจากด้านของพรรคก้าวไกล ซึ่งแม้จะได้อานิสงส์จากความเป็นพรรคขนาดกลางของพรรคอนาคตใหม่มาก็ใช้ว่าจะไม่ได้ ผลกระทบ รูปธรรมก็คือ คะแนนที่ลดลงจากเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ไม่ว่าจะมองคะแนนของพรรคก้าวไกลในเขต 1 ชุมพร หรือเขต 6 สงขลา เมื่อเดือนมีนาคม 2562 คะแนนของพรรคอนาคตใหม่ในสงขลาได้มากถึง 11,966 คะแนน แต่มาถึงเดือนมกราคม 2565 ก็ได้มาเพียง 5,427 คะแนน คะแนนหดหายไปถึง 6,536 คะแนน เมื่อเดือนมีนาคม 2562 คะแนนของพรรคอนาคตใหม่ในชุมพรได้มากถึง 10,347 คะแนน แต่มาถึงเดือนมกราคม 2565 ก็ได้มาเพียง 3,520 คะแนน คะแนนหดหายไปถึง 7,097 คะแนน ไม่ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่า นายชัยธวัช ตุลาธน จำเป็นต้องนำมาขบคิดพิจารณา เหตุปัจจัยแรกอาจเนื่องจากการสัประยุทธ์ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ส่งผลสะเทือนล้ำลึกและกว้างไกล กระนั้น ก็ต้องยอมรับจุดผ่านระหว่าง “อนาคตใหม่” กับ “ก้าวไกล” รูปธรรมแรกก็คือ ตัวผู้สมัครเป็นอีกคนหนึ่งเท่ากับชี้ชัดว่าคนแรกได้หล่นหายไปจากสารบบ การเชื่อมต่อระหว่าง “อนาคตใหม่” กับ “ก้าวไกล” จึงเกิดรอยต่อขึ้น ยิ่งกว่านั้นในบางพื้นที่ก็ถูก “พรรคกล้า” แซงไปอย่างเห็นได้ชัด บทเรียนจาก “รอยต่อ” ระหว่างพรรคอนาคตใหม่กับพรรคก้าวไกลจึงทรง “ความหมาย” ดำรงอยู่เหมือนกับเป็น“โจทย์”และเป็น “การบ้าน” ที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายชัยธวัช ตุลาธน จักต้องแบกรับและหาทางแก้ไข เพื่อจะก้าวไปสู่การเลือกตั้ง “ทั่วไป” อย่างมีความพร้อม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน