ยิ่งสถานการณ์ใน “ประชาธิปัตย์” บานปลาย นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ยิ่งเหนื่อย
ไม่เพียงเหนื่อยเพราะเรื่องราวของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่มีลักษณะ “บานปลาย” หากแต่ยังเหนื่อยเพราะกระแสของ “ปริญญ์ เอฟเฟ็กต์” นั้นร้อนแรง
ร้อนแรงไปกระทบต่อพรรค กระทบต่อหัวหน้าพรรค
การตระเวนหาเสียงแทนที่จะสามารถปล่อย “นโยบาย” ประสาน “วิสัยทัศน์” กลับต้องตอบคำถามกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรณีของพรรคประชาธิปัตย์
จำเป็นต้องชู “ความอดทน” ขึ้นนำหน้า
ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้กรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ส่งผลสะเทือนล้ำลึก
คำตอบซึ่งตรงเป้ามากที่สุดสืบเนื่องจากตำแหน่งสำคัญของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ คือตำแหน่งผู้อำนวยการเลือกตั้งชิง “ผู้ว่าฯ กทม.”
รับผิดชอบอนาคตของ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
ลำพังการแต่งตั้ง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ซึ่งเป็นนักเรียนนอก เป็นคนหน้าใหม่ไม่เพียงแต่ในพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกด้วย
จำเป็นที่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ต้องถอนใจใหญ่
การชู นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ขึ้นมาทำให้บทบาทของอีกหลายคนหายไป
คนที่ควรจะระบุชื่ออย่างจริงจัง นั่นก็คือ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเช่นเดียวกับ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์
แต่ไม่ได้รับความสนใจให้มีบทบาทในการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯ กทม.”
ทั้งๆ ที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ คือ ส.ส.กรุงเทพ มหานคร และเข้าดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรครับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานครมาอย่างยาวนาน
ทั้งหมดจึงอยู่ที่การตัดสินใจของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ลําพังประสบปัญหาในกรณี “หลานไอน์สไตน์” ก็ทำให้ “ดร.พี่เอ้” เหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่งแล้ว
เมื่อมาเจอปัญหาจากกรณีอื้อฉาวของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งประดังเข้ามาอีก จึงเข้าลักษณะ “พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก”
เรื่องแบบนี้ยากยิ่งที่จะใช้ “แอพ” แก้ปัญหาได้
