นับวันคำถามถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในทางการเมืองยิ่งมากด้วยความแหลมคม

มิได้เป็นความแหลมคมเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับบทบาทและการเคลื่อนไหวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเรียกขานในฐานะประธานนปช.เท่านั้น

หากเป็นความแหลมคมเมื่อมองจากฐานการเป็น “เสื้อแดง”

คำถามนี้มิได้ถามเฉพาะ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เพียงคนเดียว หากแต่ยังเป็นคำถามต่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อย่างมีนัยสำคัญด้วย

ตกลงเหตุการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 จะเดินหน้าแบบไหน

จะตอบคำถามนี้ได้จำเป็นต้องเริ่มจาก “สถานะ” ที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน

เราเห็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไปร่วมกับ นายนิติธร ล้ำเหลือ ในการเคลื่อนไหวในพรมแดนทางเศรษฐกิจโดยถือ “พลังงาน” มาเป็นประเด็น

เราเห็นความคึกคักของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เด่นชัด

จากปฏิบัติการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” บนเวทีปราศรัยที่ศรีสะเกษของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แลนด์สไลด์ทั่วแผ่นดิน

และเราเห็น “คนเสื้อแดง” ปรากฏแวดล้อมอยู่โดยรอบ

ความแหลมคมอย่างยิ่งก็คือ 2 การเคลื่อนไหวนี้เกี่ยวกับ “คนเสื้อแดง” หรือไม่

เกี่ยวอย่างแน่นอน หากการเคลื่อนไหวรุดหน้าประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการดันของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

แต่จะมีการทำให้รายละเอียดของคดีเมื่อปี 2553 แจ่มชัดหรือไม่

ในเมื่อมีแรงดันมาจากสังคมเสนอให้มีการลงนามร่วมมือกับศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี เพื่อนำคดีเข้าพิจารณาในทางสากล

ถามว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คิดอย่างไร

หากเป็น “ความคิด” ที่สุกงอมและเห็นด้วยก็ย่อมแปรเป็น “การเมือง” โดยรูปธรรม

ความเป็นจริงนี้ดำรงอยู่อย่างไรในทางความคิดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ความเป็นจริงนี้ดำรงอยู่อย่างไรในทางความคิดของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

เพราะมี “คนเสื้อแดง” จำนวนไม่น้อยต้องการ “คำตอบ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน