มีความร้อนแรงปรากฏขึ้นผ่านร่างพ.ร.บ.กัญชาระหว่างภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์
แต่ความร้อนแรงด้วย “วาทะ” ก็ผ่อนเบาขึ้นโดยอัตโนมัติพลันที่เห็นภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับ นายสาธิต ปิตุเตชะ โอบกอดกันและกัน
นี่คือการเมือง อันเห็นกันอย่างเจนตา
เจนตาเหมือนกับภาพการโอบกอดอย่างชื่นมื่นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
เจนตาเพราะจะบังเกิดทุกครั้งที่มีข่าวระหองระแหงขัดแย้งกัน
หากมองเพียงภาพอันร้อนแรงจากร่างพ.ร.บ. กัญชาอาจทำให้นึกถึงแนวโน้ม “ยุบสภา”
กระนั้น เมื่อประเมินผ่าน “ผลประโยชน์” ที่พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับกันเต็มไม้เต็มมือตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 เป็นต้นมา
ยากยิ่งที่การยุบสภาจะเกิดใน “ปัจจุบันขณะ”
Advertisement
การได้กระทรวงคมนาคม การได้กระทรวงสาธารณสุข การได้กระทรวงพาณิชย์ การได้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเรื่องใหญ่และโอฬารยิ่ง
มีความจำเป็นต้อง “ยื้อ” อย่างเต็มกำลัง
แนวโน้มของการยุบสภาจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นกำหนดการประชุม “เอเปก” เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างคะแนนให้กับรัฐบาล
นี่มิใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดคนเดียว
ตรงกันข้าม ภายใน “ระบอบ” ที่ยึดกุมอำนาจมาอย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ก็คิดและหมายมั่นปั้นมือเช่นเดียวกัน
เมื่อเป็น “ระบอบ” ซะแล้ว ทุกอย่างล้วนต้อง “เดินหน้า”
มีการต่อสู้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงร้อง “แลนด์สไลด์” ดังกึกก้องจากพรรคเพื่อไทย
สร้างความหวั่นไหวให้หรือไม่ แน่นอน ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างสูง
การจะตัดสินใจ “ยุบสภา” จึงต้องมั่นใจบนความรัดกุม