คําประกาศเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อนแรง

ไม่ว่าจะออกมาจากปาก นายวิรัช รัตนเศรษฐ ไม่ว่าจะออกมาจากปาก นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ว่าจะออกมาจากปาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

แม้จะเป็นคำประกาศตาม“ขนบ”และ “ธรรมนิยม”

เหมือนกับที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศ เหมือนกับที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศ

แต่สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ธรรมดา

ไม่ธรรมดาเพราะว่าเป้าหมายนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็หมายมาดปรารถนา

เป็นความปรารถนาที่ไม่เพียงแต่เขม้นมองด้วยความร้อนแรง หากแต่ยังลงมือก่อปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในทางการเมือง

แรกก็ต้องการใช้พรรคพลังประชารัฐเป็นฐาน

ถึงกับส่ง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ เข้าไป ถึงกับส่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้าไปในนามของความปรารถนาดีต้องการยกระดับพรรคพลังประชารัฐ

แต่เมื่อไม่สมหวังก็ชูพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้น

หากอ่านจดหมาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็จะเข้าใจถึงการตัดสินใจทางการเมือง

โดยพื้นฐาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำพรรคพลังประชารัฐเพื่อสนองเป้าหมายให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากต้องการ “ไปต่อ”

เพียงแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำเนินการ

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผละจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติจึงถึงเวลาที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จักต้องแอ๊กชั่น

เป็นแอ๊กชั่นไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

คําประกาศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงมีลักษณะเป็นจุดตัดในทางการเมือง

เป็นจุดตัดที่เคยอุ้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาดำเนินการเพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง

เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อย่างแท้จริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน