การปรากฏขึ้นของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ผ่านวอยซ์ ทีวี เหตุใดจึงเป็นเรื่อง “แปลก”

หากมองจากพื้นฐานของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่เคยอยู่ในสถานะรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ย่อมเหมาะสม ถูกต้อง

เพราะอยู่ในห้วงแห่ง “หน้าสิ่ว หน้าขวาน” ทางการเมือง

เนื่องจากเป็นหัวหน้าพรรคในสถานการณ์ที่พรรคไทยรักไทยเผชิญกับมรสุมหลังรัฐประหาร และถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรคในเดือนพฤษภาคม 2550

“สถานการณ์” นี้พิสูจน์ตัวตน นายจาตุรนต์ ฉายแสง เด่นชัด

คำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมจึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ออก “วอยซ์”

คำตอบ 1 เพราะว่าวอยซ์ ทีวี มีบทบาทอย่างสำคัญในการปูทางและสร้างภาพทางการเมืองให้กับพรรคเพื่อไทยในความแหลมคมของแต่ละสถานการณ์

ไม่ว่า “ก่อน” การเลือกตั้ง ไม่ว่า “หลัง” การเลือกตั้ง

ยิ่งในสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยอยู่ในจุดที่จะจัดตั้งรัฐบาลและเคลียร์พื้นที่ให้กับ “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรี ยิ่งมีความสำคัญ

ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง มองมุม “ต่าง”

ในรอยยิ้มอันเกิดขึ้นในบรรยากาศ “ช็อกมินต์” นายจาตุรนต์ ฉายแสง หงุดหงิด

เป็นความหงุดหงิดเมื่อเห็นการมาเยือนของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เมื่อเห็นการมาเยือนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ

เนื่องจากเขามองเห็นถึงการมาเยือนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองเห็นการมาเยือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ครบถ้วน

เท่ากับอ้าแขนโอบรับต่อกระบวนการ “สืบทอดอำนาจ”

น่าสนใจก็ตรงที่ถึงอย่างไร นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็เสนอมุมมองที่แตกต่างชัดเจน

เป็นการยืนยันบนพื้นฐานแห่งแนวทางของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศครั้งแล้วครั้งเล่าในระหว่างการหาเสียงก่อนเดือนพฤษภาคม

นั่นก็คือ แนวทาง “ปิดสวิตช์ 3 ป.” หยุด “การสืบทอดอำนาจ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน