สายตาที่ทอดมองต่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในทางการเมืองเริ่มมีการแปรเปลี่ยน

หากเทียบกับสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม กับสถานการณ์หลังการเลือกตั้งจะเห็นอย่างเด่นชัด

จากที่เคยเป็น “ลบ” กลับกลายเป็น “บวก”

เนื่องจากแต่ละบทสรุป แต่ละความเห็นของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ สอดรับกับสภาพความเป็นจริงเด่นชัดขึ้นหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง

มิใช่ใกล้เคียงกับ “ความรู้สึก” หากใกล้เคียงกับ “คำตอบ”

ตัวอย่างหนึ่งคือ ตัวอย่างการเบียดขบแย่งชิงต่อตำแหน่ง “ประธานสภา”

ในเบื้องต้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ฟันธงว่าตระเตรียมไว้สำหรับ นายสุชาติ ตันเจริญ จากพรรคพลังประชารัฐซึ่งเคยเป็น “รองประธานสภา”

แม้จะกลายเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็มิได้ห่างไกล

เนื่องจากสังคมตระหนักรู้ต่อสถานะและการดำรงอยู่ของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าพรรคประชาชาติชิดเคียงกับพรรคเพื่อไทยอย่างยิ่ง

นั่นก็มองผ่าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เข้าไป

ยิ่งเห็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐยิ่งชัด

เป็นความชัดเจนในท่ามกลางความหวาดระแวงแคลงคลาง เป็นความชัดเจนเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างขวางจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ว่าเป็นอย่างไร

ไม่ว่าต่อ “พีระพันธุ์” ไม่ว่าต่อ “ธรรมนัส”

อย่าได้แปลกใจที่อารมณ์และบทสรุปของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะตรงกับอารมณ์และความรู้สึกของ “ตะวัน” และ “แบม” แห่งทะลุทั้งหลาย

เท่ากับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ทะลุปรุโปร่ง

ถามว่าความอ่อนไหวจากสภาวะแปรเปลี่ยนดำเนินไปอย่างไรทางการเมือง

น่าแปลกที่ยิ่งคำตอบจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ใกล้เคียงกับความเป็นจริง สายตายิ่งมอง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมกับคำถามตามมา

ปมเงื่อนอยู่ที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คิดอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน