ยิ่งใกล้วันอังคารที่ 3 ตุลาคม ภายใน “พรรคเพื่อไทย” ยิ่งมากด้วยความระทึก
มิใช่ระทึกเพราะติดตามบทบาทของ “พรรคก้าวไกล” ผ่าน “แถลงการณ์” อันเนื่องแต่ตำแหน่ง “ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน” ซึ่งสัมพันธ์กับตำแหน่ง “รองประธานสภา”
การตัดสินใจของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา จึงสั่นสะเทือน
ตรงกันข้ามเป็นความระทึกซึ่งหนักแน่นและจริงจังมากกว่าว่า “รายชื่อ” ที่อยู่ในมือของ นายภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อเสนอต่อ “คณะรัฐมนตรี” มีใครบ้าง
เนื่องจากเกี่ยวกับ “ประชามติ” เกี่ยวกับ “รัฐธรรมนูญ”
ยอมรับเถิดว่าความระทึกของพรรคเพื่อไทยสัมพันธ์กับบทบาทของพรรคก้าวไกล
เนื่องจากตำแหน่ง “รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1” ของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา มีความต่อเนื่องจากตำแหน่ง “ประธานสภา”
เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ยอมให้ตำแหน่ง “ประธานสภา” เป็นของพรรคก้าวไกล
Advertisement
พรรคก้าวไกลเองเมื่อไม่มีทางขัดขืนจำเป็นต้องเปิดทางให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็น “ประธานสภา” แต่ก็มีข้อต่อรองผ่าน MOU เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม
นี่แหละคือ “ชนัก” ปักกลางหลัง “พรรคเพื่อไทย”
Mou พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล วันที่ 2 สิงหาคมเกี่ยวกับ “รัฐธรรมนูญ”
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เมื่ออยู่บนเวทีและได้รับคำถามจากพิธีกร นายวีระ ธีรภัทรานนท์ อาจจะลืมว่าเคยพูดอย่างไรในเรื่องนี้
แต่ “ดิจิทัล ฟุตพรินต์” บอกไว้อย่างเด่นชัด
เด่นชัดว่าพรรคเพื่อไทยจะถือเอาการจัดทำ “รัฐธรรมนูญใหม่” เป็นความรับผิดชอบและจะร่วมดำเนินการจนเรียบร้อยแล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่
เป็นวาระแห่งพรรคเพื่อไทย เป็นวาระแรกที่จะดำเนินการ
เมื่อได้เป็นรัฐบาลจากสถานการณ์เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พรรคเพื่อไทยทำอย่างไร
การประชุมครม.นัดแรก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีมี “ข้อสั่งการ” มอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รับผิดชอบต่อ “ภารกิจ” นี้
คำถามอยู่ที่เป็นภารกิจเพื่อ “เร่งรัด” หรือว่า “ยืดเวลา”