การโยงแจกเงิน 1 หมื่นบาทกับโครงการจำนำข้าวอยู่ในจุดอันเป็นการ “ท้าทาย”
เหมือนจะเป็น “หมัดเด็ด” เมื่ออยู่ในมือของพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งเมื่อออกจากปาก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ยิ่งมากด้วยสีสันเป็นอย่างสูง
คล้ายกับจะเป็น “อาวุธ” ทรงพลังในทาง “การเมือง”
แต่แทนที่จะก่อให้เกิดอาการงันชะงักต่อโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทต่อคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้น ทุกอย่างกลับเดินหน้าอย่างมีอัตราเร่ง
พรรคประชาธิปัตย์มีความสงสัยหรือไม่
หากมองจาก “ชะตากรรม” อันเกิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็น่าตระหนก น่ากลัว
แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำกล่าวหาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดขึ้นอย่างคึกคักและดำเนินการอย่างมากด้วยกระบวนท่าอันโลดโผน
เป็นผลมาจากกระบวนการ “รัฐประหาร”
Advertisement
เมื่อเป็นผลมาจากกระบวนการ “รัฐประหาร” จึงก่อให้เกิด “คำถาม” ตามมาในเรื่องความโปร่งใส ยิ่งมีมาตรา 44 เข้ามาเกี่ยวข้องยิ่งเป็น “ปริศนา”
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะไม่หวาดเกรง
ความจริง ระหว่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” น่าจะเป็นโอกาสให้กับ “โครงการจำนำข้าว”
นักวิชาการของพรรคเพื่อไทยน่าจะนำเอาจุดเปรียบเทียบระหว่างโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท กับโครงการจำนำข้าวมาแสดงให้เห็นอย่างเป็นระบบ
ชี้ให้เห็นว่าทำไมจึงได้กลายเป็น “จุดอ่อน”
บทบาทเช่นนี้สมควรเป็นบทบาทของ “นักเศรษฐศาสตร์” สมควรกระทำอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มองเห็นเด่นชัด ณ เบื้องหน้าความสงสัย
ทำให้ “จำนำข้าว” มีความโปร่งใส ภายใน “ข้อกล่าวหา”
เมื่อไม่มีกระบวนการ “สมคบคิด” ที่อยู่บนฐานแห่ง “รัฐประหาร” ก็ย่อมเป็นประโยชน์
ไม่ว่าจะประโยชน์จากการแจกแจงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์จากการแจกแจงของ นายเศรษฐา ทวีสิน
เป็นการต่อสู้เชิง “นโยบาย” เป้าหมายเพื่อ “ประชาชน”