แต่ละ “กระบวนท่า” อันเปล่งประกายจาก “ประชาธิปัตย์” ล้วนต้องน้อมใจ “ศึกษา”

ไม่แน่ว่าจะมาจากความจัดเจนอันล้ำลึกของ นายชวน หลีกภัย ไม่แน่ว่าจะมาจากเส้นทางอันผาดโผนของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หรือไม่

ไม่ว่านามของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ไม่ว่านามของ น.ส.วทันยา บุนนาค

เพราะรากฐานของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง โยงไปถึง นายไพฑูรย์ แก้วทอง ขณะที่ น.ส.วทันยา บุนนาค แนบแน่นอยู่กับ เดอะ เนชั่น

ที่คิดว่าใช่ อาจไม่ใช่ ที่คิดว่าไม่ใช่อาจใช่

ถามว่า “ทีเด็ด” อันมาจากกลุ่มของ นายชวน หลีกภัย เป็น “กระบวนท่า” แบบใด

หากพิจารณาจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา คือ “ทีเด็ด” อันมาจากการทำให้ที่ประชุมไม่ครบองค์ จำเป็นต้อง “เลื่อน” อิงอาศัย “ข้อบังคับพรรค” เป็นหลัก

เป็นกระบวนท่าไม่ซับซ้อน เป็นกระบวนท่าที่เปิดจุดอ่อนฝ่ายตน

นั่นก็คือ จุดอ่อนที่รู้ว่าจะต้องเพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน จำเป็นต้องงัดวิชาก้นหีบออกมา นั่นก็คือ ไม่เข้าประชุม ทำให้องค์ประชุมล่ม

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง

เด่นชัดยิ่งว่าฝ่ายของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน พยายามจะปิดช่องโหว่ “องค์ประชุม” ให้ได้

มีข่าวว่า 1 มีการแก้ข้อบังคับพรรค ขณะเดียวกัน 1 มีการตระเตรียมสมาชิกเอาไว้จำนวนนับร้อยจาก 4 ภาคของประเทศ

หากอีกฝ่ายใช้ “กระบวนท่า” เก่าก็พร้อม “ถอดสลัก”

ไม่ว่าจะมองผ่านชื่อ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ไม่ว่าจะมองผ่านชื่อ น.ส.วทันยา บุนนาค หากโยงสายยาวจริงๆ ล้วนมีมือของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน

ปิดประตู “แพ้” ยืนยัน “กำชัย” อย่างแน่นอน ไม่แปรเปลี่ยน

มองไปยัง นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ทั้ง 3 คนล้วนเคยเป็น “หัวหน้าพรรค” 2 คนเคยดำรงตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ก็มากด้วยเกียรติภูมิ

วันนี้ ต่างยืนมองชะตากรรมพรรคประชาธิปัตย์ด้วยสายตาเศร้าตรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน