ชะตากรรมที่ น.ส.วทันยา บุนนาค ประสบในพรรคประชาธิปัตย์น่าเห็นใจอย่างยิ่ง
เพราะว่าเป็นสถานการณ์อันเกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ สายตาที่มองไปในแต่ละด่าน แต่ละจังหวะก้าวจึงมากด้วยความระแวง
เนื่องจากเป็น “กับดัก” ที่รู้ๆ กันอยู่
รู้กันอยู่ว่าข้อบังคับพรรคกำหนดว่า ผู้ประสงค์จะชิงตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” หากมิได้เป็น สส. ก็ต้องเป็นสมาชิกพรรคมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
ถามว่า น.ส.วทันยา บุนนาค ไม่รู้ใน “ข้อบังคับ” นี้หรือ
นักการเมืองระดับ น.ส.วทันยา บุนนาค ย่อมรู้อย่างแน่นอน แต่รู้แล้วทำไม “เดินหน้า”
หากประเมินจากท่าทีของ นายชวน หลีกภัย ประเมินจากท่าทีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย่อมทำให้ น.ส.วทันยา บุนนาค มากด้วยความมั่นใจ
เพราะมั่นใจจึงได้ออก “คลิป” กรุยทางอย่างคึกคัก หนักแน่น
Advertisement
เป็นความคึกคักในเส้นทางอันมีความมั่นใจในการเป็นตัวแทนของ “คนรุ่นใหม่” ที่จุดประกายความหวัง การพลิกฟื้นจิตวิญญาณแห่งพรรคประชาธิปัตย์
จุดเด่นตรงนี้เองที่กลับกลายเป็น “อันตราย”
ถามว่าการตัดสินใจ “ปิดประตู” ใส่หน้า น.ส.วทันยา บุนนาค เกิดขึ้นได้อย่างไร
คะแนนเสียงที่ น.ส.วทันยา บุนนาค ได้รับชัดเจนว่าเป็นคะแนนเสียงในส่วนอันเป็นของ นายชวน หลีกภัย และของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
แต่ส่วนที่ “ปฏิเสธ” น่าจะมาจากด้านของ “กลุ่มกุมอำนาจ”
สถานการณ์เช่นนี้ชี้บ่งอย่างเปิดเผยว่า โอกาสของฝ่ายใดจะเข้ายึดครองตำแหน่งหัวหน้าและเลขาธิการพรรค จึงนำไปสู่การขับเคลื่อนของ นายชวน หลีกภัย
แต่การขับเคลื่อนก็ลงเอยด้วยการยอมแพ้ก่อนที่จะแพ้
หาก น.ส.วทันยา บุนนาค ยังยืนหยัดและเดินหน้าอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์
บรรดาแฟนานุแฟนก็ต้องค้อมหัวคารวะ และเพิ่มความมั่นใจได้ว่าเลือดที่ไหลซ่านอยู่ในภายในร่างของ น.ส.วทันยา บุนนาค เป็นสีฟ้าแน่นอน
เป็นสีฟ้าเข้มไม่ต่างจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ