ขณะที่กระแสข่าวพรรคเพื่อไทยและพันธมิตรจะสามารถรวบรวม ส.ส.ได้ไม่ต่ำกว่า 300 ภายหลังการเลือกตั้งยังไม่ทันจางคลายหายไปจากวงจร
ข่าวการเดินทางไปแสดงปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในวันที่ 6 พฤศจิกายน ก็ดังกระหึ่ม
ถามว่าดังกระหึ่มขึ้นมาได้อย่าง
คำตอบเห็นชัดอย่างยิ่งจากการถามตอบระหว่างนักข่าว กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ณ กระทรวงกลาโหม อันเป็นที่มาแห่งความรู้สึก
“เขาเคลื่อนไหวตลอด 4 ปี ไม่มีวันหยุด”
การเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อประสานเข้ากับกรณี ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาอีก จึงกลายเป็นข่าวเด่น ประเด็นร้อนในทางการเมือง
เมื่อไม่สามารถยุติบทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในต่างประเทศได้
ไม่ว่าที่กรุงมอสโคว์ ไม่ว่าที่กรุงปักกิ่ง ไม่ว่าที่กรุงโตเกียว
Advertisement
สภาพการณ์จึงมาลงที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และมาลงที่พรรคเพื่อไทย
แต่ปัญหาที่ “กกต.”เองก็กำลังหนักใจอย่างยิ่ง
เพราะก่อนการเลือกตั้งไม่ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ว่าในเดือนพฤษภาคม 2562 มิได้มีพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวที่ประเมินว่าอาจมีความใกล้ชิดสนิทสนม
ไม่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เพราะที่แตกไปจากพรรคเพื่อไทยก็เห็นชัดว่า 1 คือพรรคเพื่อธรรม และ 1 คือพรรคเพื่อชาติ
เหมือนกับจะรู้กันอยู่ว่าพรรคเพื่อไทยถูกเพ่งเล็งจากคสช.และกกต.อย่างแน่นอนจึงได้มีการขยับขับเคลื่อน
ตรงนี้อาจเป็นความหนักใจของ “กกต.”
ถามว่าทำไมจึงต้องมีการจัดการในเรื่องพรรคตระกูล”เพื่อ”ในลัก ษณะอย่างที่เรียกกันว่า “พรรคสำรอง”
คำตอบ 1 เพราะมีบทเรียนจากการถูก”ยุบพรรค”
คำตอบ 1 เพราะเห็นเงื่อนปมอันผูกไว้ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด
เสียงคำรามว่าด้วย”การยุบพรรค”จึงมิได้เป็นเรื่องใหม่