ไม่ว่า “คสช.” ไม่ว่าภายใน “แม่น้ำ 5 สาย”โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีส่วนในการร่างและผลักดัน”รัฐธรรมนูญ”

เมื่อเห็นการก่อรูปขึ้นของ”พรรคประชาชาติ”ก็รู้สึกทะแม่งๆอยู่แล้ว

พลันที่เห็น”พรรคเพื่อธรรม”และ”พรรคเพื่อชาติ”ยิ่งหงุดหงิด

หงุดหงิดเพราะรู้ว่ามีความสัมพันธ์อันแนบแน่นอยู่กับพรรคเพื่อไทย

ไม่ว่าจะเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ไม่ว่าจะเป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ไม่ว่าจะเป็น นายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์

ยิ่งเห็น”พรรคไทยรักษาชาติ” ยิ่งหงุดหงิดเป็นทบเท่าทวีคูณ

เมื่อมองผ่าน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคก็ทะลุไปยังภาพ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช

ยิ่ง นายมิตติ ติยะไพรัช ยิ่งเด่นชัด








Advertisement

ทั้งนี้แทบไม่ต้องกล่าวถึงคนจากตระกูล”ชินวัตร” คนจากตระกูล “วงศ์นภาจันทร์”

เกี่ยวดองโดยตรงไปยังพี่น้องตระกูล”ชินวัตร”

ยิ่งกว่านั้น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ซึ่งเป็นส.ส.หลายสมัยตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ต่อเนื่องมายังพรรคเพื่อไทย

ยิ่งทำให้ภาพของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ประสานแนบสนิทไปกับพรรคไทยรักษาชาติ

นี่คือ การแตกแยกสาขาจาก”ดีเอ็นเอ”เดียวกัน

ที่สำคัญที่เคยมองว่ามีการแตกแยกถึงขั้นระส่ำระสายจากปฏิบัติ “พลังดูด”อย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นจริงตามความคาดหมาย

ตรงกันข้าม กลับแยกกันเดินเพื่อรวมกันตีอย่างคึกคัก

มีความคิดที่จะจัดการกับ”พรรคเพื่อไทย”ดำรงอยู่อย่างแน่นอนโดยเลือกจังหวะก่อนวันที่ 26 พฤศจิกายน

เพื่อมิให้มีพรรคสังกัดอย่างทันกับสถานการณ์

แต่เมื่อเกิดพรรคประชาชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ และโดยเฉพาะพรรคไทยรักษาชาติ เดินพาเหรดขึ้นมาอย่างคึกคักเป็นแผง

แผนลึก”ยุบพรรค”จึงแทบไม่มีความหมายอะไรเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน