แม้ว่าการออกมาปฏิเสธคำประกาศของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ว่า พรรคพลังประชารัฐจะกวาด ส.ส.350 คนในการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงจะเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้

ว่าเสมอเป็นเพียง “วาทกรรม”

“เป็นการพูดให้กำลังใจกับสมาชิกพรรคที่ประสงค์จะเป็นว่าที่ผู้สมัครได้มีกำลังใจในการทำงานทั้ง 350 เขต ไม่ได้หมายความว่าเราจะกวาด 350 เขต

เพราะทางการเมืองเป็นไปไม่ได้”

แต่ในทางการเมือง “วาทกรรม” แบบนี้แหละที่ส่งแรงสะเทือน ออกไปเป็นอย่างสูง

เพียงแต่ว่าจะเป็น “บวก” หรือเป็น”ลบ”เท่านั้น

ทันทีที่ “คำประกาศ”นี้ของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้รับการเผย แพร่ออกไปในวงกว้าง ปรากฏว่า “สังคม”ให้ความสนใจและให้ความสำคัญ

สัมผัสได้จาก “พาดหัวข่าว” ของ”หนังสือพิมพ์”

สัมผัสได้จาก “ประเด็นข่าว” และ “คอมเมนต์”อย่างต่อเนื่องของ “โทรทัศน์”

ตามมาด้วย “ไวรัล” ทาง “โซเชียล มีเดีย”

คำยกย่องจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ คือ นักพูดคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ ได้รับการขานรับอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ขณะเดียวกัน ทันทีที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ออกมาปฏิเสธ 2 ครั้ง 2 หนในเรื่องเดียวกันนี่ว่าเป็นพูดเล่น

ก็บังเกิดนัยประหวัดไปยังคำพูด พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ

“ก่อนพูดเราเป็นนาย แต่ภายหลังจากการพูด คำพูดนั้นจะเป็นนายของเรา”

คำพูดนี้กลายเป็นนายของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

เกจิหลายท่านสรุปจุดต่างระหว่างการพูดกับการเขียนไว้ได้อย่างคมชัดว่า

การพูดเมื่อพูดแล้วก็ออกไปเลย

ขณะที่การเขียนหากยังไม่ได้เผยแพร่ก็สามารถตรวจสอบได้ แก้ไขได้

ตรงนี้คือจุดต่างอันกำลังเป็น”บทเรียน”

บทเรียนให้กับนักการเมืองหน้าใหม่จากพรรคพลังประชารัฐ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน