ฟุตบอลทีมชาติไทย : บทบรรณาธิการ

ฟุตบอลทีมชาติไทย ด้วยความที่ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทย ไม่ว่ามหกรรมน้อยใหญ่มักได้รับความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง อารมณ์ของคนในสังคมที่มีต่อผลการแข่งขันของทีมชาติไทยจึง สูงไปด้วย

ผลการแข่งขันแรกในปีใหม่นี้ จากศึกเอเชียน คัพ 2019 ทีมชาติไทยแพ้ทีมชาติอินเดียถึง 1-4 ประตู จากที่ไม่เคยแพ้มาก่อนในรอบ 32 ปี ทำให้แฟนบอลแสดงอารมณ์ผิดหวังและไม่พอใจอย่างกว้างขวาง

แม้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะปลดโค้ชชาวเซอร์เบียเกือบจะทันทีหลังจบเกม แต่กระแสที่โหมขึ้นนี้ทำให้ฟุตบอลไม่ใช่เพียงเกมกีฬาลูกกลมๆ อีกแล้ว

หากขยายอิทธิพลไปถึงการบริหารจัดการ ธุรกิจ การครองใจและเป็นที่ยอมรับของประชาชน

ฟุตบอลทีมชาติไทย

แม้ว่าจะมีคำพูดอมตะว่า กีฬาย่อมมีแพ้มีชนะ แต่แฟนบอลส่วนใหญ่ยังคงคาดหวังว่าจะมีชัยชนะมากกว่าความพ่ายแพ้อยู่เสมอ

การปลดโค้ช มิโลวาน ราเยวัช ซึ่งทำหน้าที่ให้ทีมชาติไทยมาหนึ่งปีครึ่ง หากดูตามสถิติแล้ว ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก








Advertisement

จากการลงแข่งของทีมชาติ 19 นัดที่รวม ทุกรายการ เป็นชัยชนะ 8 นัด เสมอ 4 นัด และแพ้ 7 นัด ยิงได้ 33 ประตู เสีย 26 ประตู

โดยเฉพาะ 4 นัดสุดท้ายที่แข่งมานี้ยังไม่ชนะทีมคู่แข่งเลย ทำให้เกิดกระแสต่อต้านแรงขึ้น ต่อผู้บริหารสมาคมฟุตบอล

ฟุตบอลทีมชาติไทย

แรงกดดันในระยะใกล้นี้จึงไปอยู่ในเกมถัดไปที่ทีมชาติจะลงสนามแข่งกับบาห์เรนและยูเออี วันที่ 10 และ 14 ..

การบริหารจัดการทีมกีฬาฟุตบอล ณ วันนี้เป็นเรื่องใหญ่ของหลายๆ ประเทศ และ บางครั้งก็รวมอยู่ในกระแสทางการเมืองด้วย

ความสามารถในการพัฒนาทีมฟุตบอลให้มีผลงานดีขึ้น หรือรักษาผลงานที่ดีอยู่แล้วให้ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นโจทย์ใหญ่ของสมาคมหรือสหพันธ์ฟุตบอลของแต่ละประเทศ

กรณีของทีมชาติอินเดีย มีพัฒนาการดีขึ้นมากจากเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนที่เคยชนะทีมชาติไทย 3-1 ประตู โดย 4 ปีมานี้ขยับจากอันดับ 173 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 97

สำหรับทีมชาติไทย การวางเป้าหมายพัฒนาทีมจึงเป็นเรื่องสำคัญและต้องทำต่อเนื่องในระยะยาว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน