นักการเมืองหน้าใหม่อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจไม่เข้าใจต่อความหงุดหงิด อันปรากฏผ่านใบหน้าของแกนนำหลายคนในพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ทางการเมือง

เป็นความหงุดหงิดเพราะว่ากล้าๆกลัวๆ

แม้จะมีเสียงขู่บางคนออกมาว่า “คนที่ท้าดีเบต (จะ) รู้สึกว่าคิดผิดมาตลอด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนพูดจริง ทำจริงไม่ใช่ดีแต่พูด”

กระนั้น ที่เด่นชัดมากกว่ากลับเป็น “ต่อไปนี้กูไม่ยิ้มอีกแล้ว กูจะสู้กับมึง”

คำถามที่ตามมาก็คือ ตกลงจะเข้าร่วม”ดีเบต”หรือไม่

ไม่ว่าในที่สุดคำตอบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องการดีเบตจากกกต.จะออกมาอย่างไร ไม่ว่าในที่สุดฝ่ายอำนวยการจะชี้แนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไรในเรื่องการดีเบต

แต่ที่ต้องยอมรับก็คือ เสียงเรียกร้องในเรื่อง”ดีเบต”ได้กลายเป็น “กระแส” ในทางสังคมขึ้นมาแล้ว

เหมือนกับเสียงเรียกร้องให้ นายอุตตม สาวนายน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ลาออกจากตำแหน่งในครม.

มาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค เป็นโฆษกพรรค ต่อสู้กันอย่างเต็มเวลา

นายอุตตม สาวนายน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เคยประสบมาแล้วอย่างไรและรู้สึกอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็กำลังประสบและจำเป็นต้องขบคิด ใคร่ครวญอย่างหนัก

แม้ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ตามบทสรุปอันแหลมคมจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ผู้มากด้วยความจัดเจน

เหมือนจะช่วยให้หยิบกล้วยเข้าปากแห่ง”อำนาจ”สบายๆ

แต่เนื้อหาใน”รัฐธรรมนูญ”ก็กำลังถูกบรรยากาศของการเลือก ตั้งกดดันอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบรรยากาศแห่งการดีเบตทางการเมือง

กดดันนอกเหนือไปจากเจตจำนงของ “ผู้ออกแบบ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน