เจ้าหน้าที่รัฐ
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
เจ้าหน้าที่รัฐ – จากกรณีที่ผู้นำจากการรัฐประหารมีตำแหน่งเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในช่วงพรรคการเมืองรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จึงมีข้อสังเกตถึงคำใช้บรรยายสถานะแห่งบุคคลของผู้นำรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จากเจ้าหน้าที่รัฐ มาเป็นบุคคลสาธารณะ
บุคคลสาธารณะหรือ public figure สื่อถึงบุคคลที่เป็นตัวอย่างของสังคม มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของประชาชนทั่วไป เช่น นักการเมือง ผู้นำธุรกิจ ดารานักแสดง นักกีฬา เซเลบริตี
ในทางกฎหมาย คำว่าบุคคลสาธารณะใช้สำหรับการพิจารณาความผิดฐานหมิ่นประมาทและ การล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หากผู้ใดเป็นบุคคลสาธารณะย่อมถูกวิจารณ์ตรวจสอบมากกว่าบุคคลทั่วไป
ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีประกาศตัวเป็นนักการเมืองแล้ว การใช้สถานะว่าบุคคลสาธารณะจึงเป็นที่เข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม ความไม่ชัดเจนในสถานะนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ถูกสงสัยว่าตัดไม่ขาดจากความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
เนื่องจากได้รับเงินเดือนที่รัฐจ่ายเป็นค่าตอบแทน และได้รับสวัสดิการที่รัฐจัดให้
สิ่งสำคัญคือนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ยังมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน และมีอำนาจบังคับบัญชาหน่วยงานราชการทั้งหมด
อีกทั้งยังใช้อำนาจมาตรา 44 ที่มีศักยภาพเหนือกว่ากฎหมายฉบับต่างๆ ทั่วไปรวมถึงรัฐธรรมนูญ
ปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้ทรงพลังยิ่งกว่าประเด็นว่านายกรัฐมนตรีจะไปร่วมดีเบต หรือไม่ หรือจะตระเวนพบปะประชาชนอย่างไร
แม้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณากฎหมายแล้วมีมติว่านายกรัฐมนตรีขึ้น เวทีปราศรัยหาเสียงได้ แต่ให้ระมัดระวังในการใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นคุณเป็นโทษกับผู้สมัครและพรรคการเมือง
การตัดสินลักษณะนี้คลุมเครือและยากจะเข้าใจได้ โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อพรรคการเมือง ไม่ว่าเป็นลบหรือบวก เพราะการตีความกฎหมายในเรื่องหนึ่งนายกฯ อาจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ได้ และในอีกเรื่องหนึ่งอาจเป็นบุคคลสาธารณะก็ได้
ขณะที่การเป็นเจ้าหน้าที่รัฐขัดคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ ส่วนการเป็นบุคคลสาธารณะต้องถูกตรวจสอบ โดยไม่มีเกราะเจ้าหน้าที่รัฐป้องกันตัวได้มากกว่าบุคคลสาธารณะอื่นๆ
สิ่งนี้จึงก่อให้เกิดคำถามเรื่องการเลือกปฏิบัติด้วย