มลพิษที่ภาคเหนือ

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

มลพิษที่ภาคเหนือ – สถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพไม่เพียงกลับมาน่าวิตกในพื้นที่ภาคเหนือ ยังเกิดคำถามถึงความตื่นตัวของเจ้าหน้าที่รัฐในการรับมือเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในกรุงเทพฯ

โดยเฉพาะจังหวัดชียงใหม่ ค่าดัชนีคุณภาพอากาศขึ้นสูงสุดติดอันดับ 1 ของโลกต่อเนื่องเกินหนึ่งวัน

ขณะที่ค่ามลพิษ PM2.5 เกินค่ามาตรฐานที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังเกิดกับแม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน และตาก

หลายจังหวัดเผชิญกับเหตุไฟป่าลุกลามพื้นที่ ก่อให้เกิดหมอกควันไฟป่าปกคลุมทั่วจังหวัด และส่งผลให้คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเสี่ยงภัย อีกทั้งยังกระทบต่อเส้นทางการบินต้องยกเลิกเที่ยวบิน

ความเดือดร้อนครั้งนี้จึงไม่ธรรมดา และไม่ควรต้องรอให้ปัญหาคลี่คลายไปเองในระยะเวลานาน เพราะเป็นเรื่องกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจำนวนมาก

การที่เชียงใหม่ขึ้นอันดับหนึ่งของโลกด้วยค่ามลพิษทางอากาศ อีกทั้งมีหมอกควันปกคลุมจนประชาชนในหลายพื้นที่มองไม่เห็นดอยสุเทพ ถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่ง และต้องเร่งประสานงานแก้ปัญหาร่วมกันระหว่างส่วนท้องถิ่นและส่วนกลาง ทั้งในระยะเฉพาะหน้า ระยะกลาง และระยะยาว

แต่ปฏิกิริยาของประชาชน รวมถึงนักศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือที่แสดงออกนั้น สะท้อนถึงความคับข้องใจว่า เหตุใดปัญหาใหญ่เช่นนี้จึงไม่มีการตอบสนองขนานใหญ่ ซ้ำยังดูเหมือนเฉื่อยชาในบางพื้นที่

จนประชาชนถามหาพ่อเมืองว่าอยู่ที่ใด และรัฐได้ใช้มาตรการบรรเทาปัญหาเหมือนที่ใช้ที่กรุงเทพฯ แล้วหรือไม่

ลักษณะปัญหามลพิษทางอากาศในจังหวัดภาคเหนือกับในกรุงเทพฯ มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งพื้นที่ทางธรรมชาติ ชุมชนเมือง และเขตอุตสาหกรรม

กรณีของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ได้รับผลกระทบด้านหมอกควันจากการเผาไหม้ในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา เป็นลักษณะเฉพาะอีกแบบที่ต้องประสานงานในระดับกิจการระหว่างประเทศ หรือระดับภูมิภาคอาเซียน

ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่าการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยได้รับแรงสนับสนุนและติดตามจากส่วนกลางด้วยความใส่ใจ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน