หากถืออายุทางการเมืองต้องยอมรับ ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล “ละอ่อน” อย่างยิ่งในสนามการเมือง

แม้จะเคยเคลื่อนไหวในฐานะรองเลขาธิการ สนนท. แม้จะเคยเคลื่อนไหวในฐานะนิติราษฎร์

แต่นั่นเป็นการเมืองในภาคประชาสังคม ไม่ใช่ของจริง

ของจริงต้องนับจากประกาศเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่เดือนมีนาคม 2561

มาถึงเดือนมีนาคม 2562 ก็เป็นเพียง 1 ปีเศษๆเล็กน้อย

ฉะนั้น จึงมีความห่วงใยจากรุ่นพี่ไม่ว่าจะเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ไม่ว่าจะเป็น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตือนด้วยห่วงใย

ห่วงใยในการมองโลกสวยของ “ธนาธร ปิยบุตร”

กระนั้น หากประเมินผ่านออกโรงของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เมื่อประสบกับ “สหบาทา”อันมาจาก คสช. บทบาทพรรคอนาคตใหม่ “ไร้เดียงสา”จริงหรือ

เพียงดูการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของ นายธนาธร จึงรุ่ง เรืองกิจ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ก็รู้แล้วว่า

เปี่ยมด้วย “เดียงสา” เปี่ยมด้วย “อาวุธ”ครบถ้วน

อย่าได้แปลกใจหากจะสัมผัสได้ในความหงุดหงิดอันสะท้อน จาก นายสาธิต ปิตุเดชะ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ และ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ แห่งพรรคพลังประชารัฐ

เป็นเพราะ 2 คนนี้อ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัด อ่านหนังสือไม่แตกหรือ

ไม่ใช่หรอก

เพราะในความใสซื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้นเองกลับกลายเป็นอาวุธอันแหลมคม สะท้อนให้เห็นสภาพพิกลพิการอันดำรงอยู่ภายในสังคมการเมืองของประเทศไทย

นั่นก็คือ ลักษณะ 2 มาตรฐาน ลักษณะเลือกปฏิบัติ

อย่าได้แปลกใจหากจะได้ยินเสียงเตือนในเรื่องการเมืองบนท้อง ถนน ไม่ว่าจะจากคสช. ไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่เสียงจากพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าไม่เป็นเช่นนั้น

ตรงกันข้าม ที่เห็นคือการไปฟ้องกลับของว่าที่ส.ส. ที่เห็นคือ การขับเคลื่อนผ่านอีเว้นต์การเมือง Future is Now

ประสานการเดินสายของ “ธนาธร ปิยบุตร” คึกคัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน