ไม่ว่าท่าทีอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าท่าทีอันมาจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าท่าทีอันมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา ต่อคสช.ผ่านพรรคพลังประชารัฐ

คือ ท่าทีแห่งการประลองและลับ “เขี้ยว”อันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง

ยิ่งมีการยืนยันอย่างแข็งกร้าวจากคสช.ว่าจะไม่ยอมปล่อย 4 กระทรวงหลัก กระทรวงเกรดเออย่าง กลาโหม มหาดไทย คลังและคมนาคม อย่างเด็ดขาด

ยิ่งทำให้ทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ยิ่งจำเป็นต้องลับเขี้ยว

จำเป็นที่แฟนานุแฟนจักต้องเปล่งคำ “ตามไปดู”พร้อมเพรียง

หากเป็นการจัดตั้งในเดือนมิถุนายน 2557 ภายหลังความสำเร็จในการรัฐประหาร คสช.จะจิ้มไปตรงไหนก็ย่อมได้ มีใครจะกล้าหือ กล้าอือ

แต่นี่เป็นเดือนพฤษภาคม 2562

แต่นี่เป็นสถานการณ์หลังการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่แม้ คสช.จะมีเวลาบริหารมาเกือบ 5 ปี ที่แม้คสช.จะมีรัฐธรรมนูญที่ DESIGN มาอย่างมีเป้าหมายเฉพาะ

คสช.จะมีองค์กรอิสระแม้กระทั่ง กกต.อยู่ในกำมืออันแข็งแกร่ง

แต่พรรคพลังประชารัฐได้มาเพียง 115

จำเป็นต้องใช้อภินิหารทางกฎหมายแย่งยึดคะแนนจากพรรคการเมืองอื่นแจกไปให้ 11 ส.ส. 11 พรรคการเมืองขนาดเล็กให้มาเสริมส่ง

เพื่อนำ 126 ส.ส.ไปผนวกเข้ากับ 250 ส.ว.ที่ตั้งกับมือ

มีหรือที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะมองไม่ออกว่าพลานุภาพของคสช.เหลืออยู่แค่ไหน

อาการ “ยื้อ” อาการ “ต่อรอง”จึงได้ปรากฏเพื่อท้าทาย ลองของ

ภายใน 4 กระทรวงหลัก เกรดเอ คสช.อาจยังสามารถรักษากระทรวงกลาโหมเอาไว้ได้ แต่มหาดไทย คลัง คมนาคม ล้วนอยู่ในจุดที่ไม่แน่นอน

หากรักษาได้แสดงว่า คสช.ยังมากด้วยกำลัง

หากมิอาจรักษาเอาไว้นั่นแสดงว่าเขี้ยวเล็บของ คสช.เริ่มอ่อนแรงและโรยรา

อ่อนแรงและโรยราไปตาม “อายุขัย”ของรัฐบาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน