ไม่ว่าความเห็นต่างภายใน 250 ส.ว.แสดงการไม่ยอมรับต่อใบสั่งให้ตำแหน่งประธานวุฒิสภาต้องเป็นของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย เพียงผู้เดียว

ไม่ว่าปรากฏการณ์โอบกอดระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ที่ทีเฮาส์

นั่นคือปฏิกิริยาอันมีผลโดยตรงต่อ “คสช.”

อย่างน้อยภายใน 250 ส.ว.ก็มีถึง 50 ส.ว.ที่คสช.มิอาจสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนกับที่เคยกระทำต่อสมาชิกสนช.ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

อย่างน้อยมิใช่โยนอะไรมา พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมที่จะ “งับ”

ปฏิกิริยาเหล่านี้เสมอเป็นเพียงการอุ่นเครื่องก่อนเข้าของจริง

รหัสอันปรากฏมาจากภายใน 250 ส.ว. รหัสอันปรากฏผ่านพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านพรรคภูมิใจไทย อ่านได้อย่างเด่นชัดว่าทุกอย่าง เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

อำนาจทางการทหารยังคงอยู่ในมือ “คสช.” แต่อำนาจทางการเมืองเริ่มสั่นคลอน

115 เสียงของพรรคพลังประชารัฐไม่หนักแน่น มั่นคง

แม้จะได้จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรครักษ์ผืนป่าแห่งประเทศไทย พรรคประชาชนปฏิรูป ก็มิได้ขลังถึงระดับชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น

อย่างน้อยที่สุดที่เห็นก็คือ 245 เสียงยืนจังก้าอยู่

เป็นการประสานระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย

ไม่เอาคสช. ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แน่นอน

อย่าได้แปลกใจหากว่า ข้อต่อรองจากพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคภูมิใจไทยจะยิ่งเข้มข้น รุกอย่างต่อเนื่อง

ปรากฏการณ์อันมาจากภายใน 250 ส.ว. ปรากฏการณ์อันมาจาก พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย คือความเป็นจริง คือธรรมชาติของการเมือง

นี่คือจุดต่างจากหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

นี่คือผลสะเทือนจากการเลือกตั้งที่ “อำนาจ”ของประชาชนเริ่มสำแดงพลานุภาพเด่นชัดขึ้นมากยิ่งขึ้น

ท่ามกลางการเคลื่อนไหว ท่ามกลางการต่อสู้ ไม่ยอมจำนน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน