คลื่นมรสุมตั้งเค้า จ่อถล่ม ‘ประยุทธ์ 2’
‘ประยุทธ์ 2’ – สิ้นสุดการรอคอย 108 วันหลังเลือกตั้ง 24 มี.ค. ประเทศไทยได้เห็นโฉมหน้าคณะรัฐบาลชุดใหม่ ประกอบด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายวิษณุ เครืองาม เป็นรองนายกฯ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนัก นายกฯ
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นาย สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ และนายประภัตร โพธสุธน เป็นรมช.เกษตรฯ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ และนายถาวร เสนเนียม เป็นรมช.คมนาคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรมช.มหาดไทย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กับนาง กนกวรรณ วิลาวัลย์ เป็นรมช.ศึกษาธิการ
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรมว.อุตสาหกรรม
36 คน 39 ตำแหน่งประกอบเป็นทีมงาน “เรือเหล็ก”
ภายใต้การคุมหางเสือของ “แป๊ะ”คนเดิม
ครม.ประยุทธ์ 2 เรียกเสียงวิจารณ์ดังกระหึ่มทั่วทุกมุมเมือง
ว่าสะท้อนถึงการสืบทอดอำนาจผสมการ “ย้อนยุค”ประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนในสมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษผู้ล่วงลับ
การสืบทอดเห็นชัดจากการที่กระทรวงด้านความมั่นคงยังเป็นโควตา คสช.ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่า รมว.กลาโหม ที่พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯนั่งควบเอง โดยมีบิ๊กทหารคนใกล้ชิดเป็น รมช.กลาโหม รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง รมว.มหาดไทย ก็ยังเป็นคนเดิมอยู่ยาวมาตั้งแต่ “ประยุทธ์ 1”
รองนายกฯ เนติบริกร รมว.การต่างประเทศ ก็ยังเป็นคนนอกหน้าเก่าในโควตา คสช.
เช่นเดียวกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นหัวหน้าทีม ลูกทีมสายตรงเหลือ 2 หน่อ คือ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อาจถูไถนับรวมนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เข้าไปด้วยก็ได้
ในฐานะรัฐบาลผสม นโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคแกนนำไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นเอกภาพเหมือนยุครัฐบาล “ประยุทธ์ 1” ที่คสช.มีอำนาจเต็ม
เพราะจำเป็นต้องนำนโยบายมา “ยำรวม”กับพรรคร่วมอื่นๆ ไม่ว่ากระทรวงคมนาคม การท่องเที่ยวฯ ของภูมิใจไทย กระทรวงเกษตรฯ พาณิชย์ของประชาธิปัตย์ เป็นต้น
โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ ที่มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเข้าประจำการถึง 4 คน จาก 4 พรรคหลัก แบบผิดฝาผิดตัว เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเป็นการตัดแบ่งชิ้นเค้กที่คำนึงถึงฐานเสียงทางการเมืองมากกว่าประสิทธิภาพการทำงาน
ต้องติดตามดูผลจากการยำรวมจะออกมาในลักษณะ “ผสมผสาน”หรือ“ผสมผเส” ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศที่ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด 5 ปี ดีขึ้นหรือย่ำแย่ลง
ยังมีนโยบายอีก 2-3 เรื่องหลักๆ คือ “กัญชาเสรี” ของภูมิใจไทย การประกันรายได้ ประกันราคาพืชผล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นของประชาธิปัตย์ จะได้รับการตอบสนองจากนายกฯ และพรรคแกนนำขนาดไหน
ถ้าตอบสนองมากก็ไม่เป็นปัญหา ประคับประคองกันไปได้
แต่ถ้าปรับจูนไม่ลงตัว อาจเกิดผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลในระยะยาว
นอกจากการเป็นรัฐบาลผสม 19 พรรคที่มีปัญหาในตัวเอง ไม่รู้จะเกิด“สนิมเนื้อใน”เมื่อไหร่
ในรัฐมนตรี 36 คนที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งภายใต้ความรับผิดชอบของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้กลั่นกรองขั้นสุดท้ายก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
จากการตรวจสอบของทีมงานฝ่ายค้าน 7 พรรค พบมี 6-7 คนเป็นอย่างน้อย มีข้อคลางแคลงใจในแง่คุณสมบัติตามกฎหมาย รวมถึงคดีความฟ้องร้องต่างๆ ที่ติดตัวมาตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบันยังเคลียร์ไม่ออก
ไม่นับกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ที่ประธานสภาผู้แทนฯ ส่งคำร้องฝ่ายค้านที่เข้าชื่อ 110 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญเหตุเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” หรือไม่
มีรายงานข่าวรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านอยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน เพื่อนำไปสู่การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นช่วงปลายเดือนนี้
เรียงลำดับเบาไปหาหนัก อาทิ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พรรคประชาธิปัตย์ กรณีถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา ช่วงดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา ปี 58-59
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยถูก ศาลตัดสินกรณีสร้างโรงงานบุกรุกที่ดินส.ป.ก.จำนวน 1,200 ไร่ ว่ามีความผิดและให้ดำเนินการแก้ไข นอกจากนี้ยังถูกร้องให้ตรวจสอบกรณีการออกโฉนดที่ดินโรงงานด้วย
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ พรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย จ.อุทัยธานี สมัยที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี มีปัญหาส่งมอบงานไม่ได้ จนสตง. สั่งยุติโครงการ และสอบสวนการใช้งบประมาณ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร กรณีเคยตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีสินบน โรลส์รอยซ์ ช่วงเป็นรองนายกฯและรมว.คมนาคม สมัยรัฐบาลไทยรักไทย
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารแบงก์กรุงไทย มีส่วนพัวพันลงนามรายงานการประชุมเห็นชอบอนุมัติสินเชื่อ 9,900 ล้านบาทให้เครือกฤษดามหานคร เมื่อปี 2546
ซึ่งต่อมาศาลฎีกาฯ ชี้ว่าเป็นการอนุมัติโดย มิชอบด้วยกฎหมาย ลงโทษจำคุก 3 กรรมการบริหาร แต่นายอุตตมรอดคนเดียว
คนสุดท้ายที่เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ขณะนี้ก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่คลุกคลีอยู่ในยุทธจักรผู้มีอิทธิพลมายาวนาน จนมีประวัติเคยต้องคดีร้ายแรงหลายคดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ถึงล่าสุดเจ้าตัวจะเปิดแถลงเคลียร์ตัวเองในทุกเรื่องทุกประเด็น ตั้งแต่เรื่องทรงผม ไปจนถึงเบื้องหลัง ความโชคร้ายเข้าไปมีส่วนพัวพันการจับกุมคดียาเสพติดที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เมื่อปี 2536 จนถูกจับขังคุกนาน 8 เดือน
สังคมก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
กระนั้นก็ตาม นอกจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ สิ่งที่รัฐบาลต้องกังวลก่อนก็คือการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รวมถึงการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2563
ท่ามกลางสถานการณ์เสียงปริ่มน้ำ
แต่ละเรื่องแต่ละประเด็นล้วนเป็นด่านหิน
“แป๊ะ”คนเดิมจะพา“เรือเหล็ก”ฝ่ามรสุมคลื่นลมแรงไปได้ไกลแค่ไหน อย่างไร โดยมีชะตากรรมของประเทศและประชาชนเป็นเดิมพัน
น่าระทึกขวัญอย่างยิ่ง
