การที่มี “ปฏิกิริยา” จากกัมพูชาที่การค้าอาวุธปรากฏชื่อ พล.อ.เตีย บันห์ เข้าไปเกี่ยวข้อง

กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องต่อสายโทรศัพท์ไปคุย

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ไม่เพียงเข้าใจเพราะว่า สายสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.เตีย บันห์ มากด้วยความแนบแน่น

หากแต่อยู่ที่”สถานะ” การเมือง การทหาร

พล.อ.เตีย บันห์ คือรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เหมือนๆกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ความรู้สึกของ พล.อ.เตีย บันห์ กับ ความรู้สึกของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงใกล้เคียงกัน








Advertisement

แม้ว่าโดยพื้นฐาน ความเข้าใจ”ร่วม”ระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.เตีย บันห์ เกิดขึ้นได้ไม่ยาก

มอง”ตีน” ก็ทะลุถึง”หัวใจ”อยู่แล้ว

แต่ความเป็นจริงอันดำรงอยู่ภายในขบวนการ”ค้าอาวุธ” ก็มิอาจจบลงอย่างง่ายๆ

อย่างน้อยก็มี ร.ต.ท.ของ”กัมพูชา”ร่วมอยู่ด้วย

อย่างน้อยการข่าวของ “ตำรวจ” ก็แจ่มชัดว่า ร.ต.ท.ชาวกัมพูชารายนี้เดินทางเข้า-ออกมากกว่า 200 ครั้ง

อาจเพราะเป็นชาว”เกาะกง”

แต่อาวุธสงครามที่ พ.อ.อ.ขนมาในรถแลนด์ครุยเซอร์บนถนนสุขุมวิท แจ่มชัด เป็นรูปธรรม

น่ายินดีที่เมื่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ยื่นมือเข้าไปแตะก็เริ่มมีความคลี่คลาย

คลี่คลายไปยัง “ขบวนการ”

ในที่สุด เรื่องนำส่งสินค้าอาวุธผ่านพัสดุภัณฑ์ก็มิได้มีแต่ทหารยศ”สิบโท” เช่นเดียวกับ การขนอาวุธจากกัมพูชาก็มิได้มีแต่ทหารยศ”พันจ่าอากาศเอก”ผู้เดียว

หากโยงยาวไปยังนายทหารระดับ “พลตรี”

ต้องยอมรับว่า ภาพที่เห็นผ่าน”พัสดุภัณฑ์” ภาพที่เห็นผ่าน”แลนด์ครุยเซอร์” มิได้เป็นเรื่องของชาวบ้านธรรมดาๆ

หากแต่ต้องเป็น”ทหาร” และต้องสูงกว่า”ประทวน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน