FootNote:ปัญหา เศรษฐกิจ โบยตีชาวบ้าน ปรากฏ ทั้งในกรุง นอกกรุง สาหัส
นับวันภาพแห่งการเข้าแถวยาวเหยียดของประชาชนรอรับข้าวของ เงินก้นถุง จะกลายเป็นความเจนตามากยิ่งขึ้นเป็นลำดับในสังคมไทย
เป็นภาพแห่งความสะเทือนใจ เป็นภาพที่แม้กระทั่งคนที่อยู่ในขบวนแถวยาวเหยียดนั้นก็ไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เห็นจากเชียงใหม่ เชียงราย ไม่ว่าจะเป็น ภาพที่เห็นจากนครราชสีมา อุดรธานี ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เห็นจากสงขลา พัทลุง ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกาญจนบุรี ชลบุรี
และที่ไม่อาจปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาดก็คือ ภาพบนถนนเพชรเกษม ภาพจากย่านดอนเมือง รวมถึงที่ปรากฏขึ้นในพื้นที่ของกระทรวงการคลัง
แส้ที่โบยตีและกดดันพวกเขาคือ ความเดือดร้อน อดอยาก
เหตุใดจึงได้มีการนำเอามาตรการ”เข้ม”ในเรื่องระยะห่างของแต่ละคนภายในขบวนแถวมาป้องปราม เหตุใดจึงกำหนดให้ต้องแจ้ง ฝ่ายปกครองในแต่ละท้องที่ก่อน
สะท้อนความห่วงใยอย่างแน่นอน สะท้อนความพยายามในการรักษามาตรการระยะห่างอย่างแน่นอน
แต่ถามว่าสามารถแก้ปัญหาได้อย่างสิ้นเชิงหรือไม่
คำตอบอย่างเด่นชัดก็คือ เสมอเป็นเพียงการห้ามแต่ภาพเช่นนี้ก็จะปรากฏขึ้นและปรากฏมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ ไม่ว่าในส่วนกลาง ไม่ว่าในส่วนภูมิภาค
เพราะว่ามาตรการ”เข้ม”โดยเฉพาะที่เริ่มในกรุงเทพมหานคร และตามมาด้วยในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ นั่นแหละคือมูลเชื้อแท้จริงทำให้คนตกงาน ขาดรายได้ ขัดสนไปทุกสิ่งทุกอย่าง
ความขัดสน ไม่มีเงิน ไม่มีอาหารนั่นแหละที่ผลักดันให้ออกมา
การออกมาตรการ “ป้องปราม” อาจเป็นสิ่งจำเป็นแต่มิได้เป็นหนทางในการแก้ไขและขจัดปัญหาอย่างแท้จริง เพราะมิได้พุ่งไปยังสมุหฐานแห่งโรค สมุหฐานแห่งปัญหา
เสียงร้องไห้”คลายล็อก” ผ่อนความเข้มของ”มาตรการ”จึงดัง กระหึ่ม
ไม่เพียงแต่จากอดีต”ลูกจ้าง”หากแม้กระทั่ง”ผู้ประกอบการ”
ในเมื่อไม่มีธุรกรรม ไม่มีการขับเคลื่อน ก็เกิดการหยุดชะงักในทางเศรษฐกิจ เงินที่มีอยู่ในมือก็มีแต่ร่อยหรอหมดไปกระทั่งอาจต้องไปยืนเข้าแถวด้วยอีกคนหนึ่ง
ปัญหา “เศรษฐกิจ'” จึงหนักหนาสาหัสกระทั่งไม่กลัว”โควิด”ในที่สุด เพราะจะเป็นจะตายก็มีค่าเท่ากัน