FootNote:โจทย์ การเมือง จาก ‘4 กุมาร’ ในมือนิ่ม ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความรู้สึก”ร่วม”ว่าเส้นทางการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเช่นเดียวกับของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ไม่เพียงได้อานิสงส์จากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่มี 250 ส.ว.อยู่ในมือ
หากยังได้รับการหนุนเสริมจาก “พรรคราชการ”
อันไม่เพียงแต่ประกอบส่วนขึ้นจาก ข้าราชการพลเรือน ข้าราช การตำรวจ หากที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือข้าราชการทหาร ที่ร่วมกันทำรัฐประหารมาแล้วหลายครั้งหลายหน
ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เส้นทางทางการเมืองจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มายังเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 จึงเป็น 6 ปีอันแข็งแกร่งและมั่นคงเหลืออีก 2 ปีเส้นทาง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ถูกเหยียบทับอย่างสมบูรณ์
นั่นคือ ด้านที่รุ่งโรจน์ นั่นคือ ด้านที่สดใสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การตัดสินใจลาออกของ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จากพรรคพลังประชารัฐแล้วมาอยู่ในร่ม เงา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จะยิ่งทำให้บารมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความใกล้เคียงกับของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มากยิ่งขึ้น
หากว่าในการปรับครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงรักษาตำแหน่งไว้ให้กับ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ในโควต้าตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กระนั้น ความเป็นจริงในทางการเมืองที่มิอาจปฏิเสธได้ก็คือ การลาออกจากพรรคพลังประชารัฐของ นายอุตตม สาวนายน และคณะเท่ากับเป็นการปฏิเสธความหมายของพรรคพลังประชารัฐ
พรรคพลังประชารัฐซึ่งเพิ่งเลือก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค
คำถามก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะรู้สึกอย่างไรหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อ้าแขนรับ นายอุตตม สาวนายน และคณะด้วย สันถวมิตรสนิทสนม
ขณะที่ นายอุตตม สาวนายน และคณะเพิ่งแสดงความเดียดฉันท์ต่อการเข้าไปของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นี่คือ โจทย์ร้อนอย่างยิ่งในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
