FootNote:เป้าหมาย ของ #เยาวชนปลดแอก มากับ เสียงตะโกน ออกไป ออกไป
ไม่ว่าจะเรียกว่า “ม็อบมุ้งมิ้ง” ไม่ว่าจะเรียกว่า “ม็อบฟันน้ำนม” ไม่ว่าจะเรียกว่า “ม็อบขนอุย”
แต่ที่ต้องยอมรับก็คือ แฟล็ชม็อบ ครั้งใหม่ “จุดติด”
คำว่าจุดติดในที่นี้ก็ต้องยอมรับว่า การเรียกขานจากฝ่ายไม่เห็น ด้วยในเชิงหมิ่นหยาม ทำนองว่าเป็น”ม็อบมุ้งมิ้ง” ทำนองว่าเป็น”ม็อบฟันน้ำนม” ทำนองว่าเป็น”ม็อบขนอุย”นั่นแหละ
มีส่วนอย่างสำคัญในการปลุกเร้า เป็นไปตามกฎอัน เซอร์ไอแซ็ก นิวตัน แห่งอังกฤษสรุปมานานแล้วว่า
เมื่อมีแรง”กด” ยังบังเกิดแรง”ต้าน”
คำว่าจุดติดในที่นี้รูปธรรมในเชิงประจักษ์ที่มิอาจปฏิเสธได้คือ การแพร่ระบาดออกไปราวกับเป็น”ไวรัล”ในทางการเมือง จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังท่าแพไปยังศาลหลักเมือง
ไม่เพียงมีการเก็บขยะที่แหลมแท่น หากแต่ยังมีการเปิดไฟสมาร์ทโฟนที่มหาสารคาม และมีการยกป้ายที่นครศรีธรรมราช
Advertisement
ที่สำคัญไม่ได้เป็น”นักศึกษา”เท่านั้นหากเป็น”นักเรียน”
ความจริงแล้ว สถานการณ์แฟล็ชม็อบในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่าน มาก็เป็นเช่นนี้ หากไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด มาทำให้สะดุดหยุดกึก
จึงไม่แปลกที่พลันเกิดปรากฏการณ์โควิด วีไอพี ขึ้นในกรณีระยองนำไปสู่ความบันดาลใจครั้งใหม่
นั่นก็คือ สถานการณ์ชุมนุมของ #เยาวชนปลดแอก
ตามมาด้วยการตะโกนถ้อยคำเดียวกัน “ออกไป ออกไป”ดังกึกก้องที่เชียงใหม่และอุบลราชธานี
นักปราศรัยบนเวทีล้วนเป็น”นักเรียน”ทั้งชายและหญิง
ไม่เพียงแต่เสนอข้อเรียกร้อง หยุดคุกคาม ยุบสภา ร่างรัฐธรรม นูญใหม่ เท่านั้น หากแต่ยังทำให้ #เยาวชนปลดแอก ทะยานไปสู่จำนวนการทวีตมากกว่า 10 ล้าน
ในเมื่อการลุกขึ้นมาพร้อมกับคำขวัญ”ให้จบในรุ่นเรา”ไปในแต่ละสถาบันการศึกษาก็อย่าได้ถามอีกเลยว่า
กระแส #เยาวชนปลดแอก”จุดติด”หรือไม่
จากจุดเริ่มต้นบนถนนราชดำเนินบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้ชี้ชัดว่าการลงถนนได้กลายเป็นเรื่องปกติเมื่อไม่มีความหวาดกลัวต่อพรก.ฉุกเฉินที่ต่อแล้วต่ออีก
สะท้อนให้เห็นว่าบรรดา #เยาวชนปลดแอกนั้นมีเป้าหมายในการปลดแอกออกจากใคร
เสียงตะโกน”ออกไป ออกไป”นั่นแหละคือ คำตอบ
