FootNote:หลังการสู้รบใน พลังประชารัฐ ใครคือ ผู้กุมชัยชนะ ที่แท้จริง

ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในเรื่อง “การปรับครม.” ไม่ว่าการเคลื่อนไหวเพื่อจัดแถวภายในคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐล้วนสะท้อน ทั้งความสัมพันธ์และความขัดแย้ง
เพราะหากไม่มีการจัดแถวภายในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐก็จะไม่มีการปรับครม.
เพราะหากไม่มีการจัดแถวภายในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน ก็จะยังอยู่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็จะยังอยู่
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ นายอนุชา นาคาศัย ก็จะไม่ได้เข้าไปแทนที่
ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาและวิจัย ก็จะไม่ว่างลง
การจัดคนเข้าไปแทนที่จึงจะไม่เกิดขึ้น
และไม่ปรากฏชื่อของ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ชื่อของ นายปรีดา ดาวฉาย ชื่อของ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาวน์

ณ ที่ใดที่มีความขัดแย้ง ณ ที่ใดที่มีการต่อสู้ ย่อมปรากฏผู้ชนะ ย่อมปรากฏผู้แพ้ นี่เป็นธรรมชาติอันเป็นธรรมดาและปรกติยิ่ง โดยเฉพาะ ในพื้นที่ทางการเมือง
การต่อสู้ภายในพรรคพลังประชารัฐเด่นชัดอย่างยิ่งว่าเป็นการต่อสู้เพื่อกดดันให้ “กลุ่ม 4 กุมาร” พ้นไปจากอำนาจ
เมื่อพ้นไปจากพรรคพลังประชารัฐก็พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี
เด่นชัดตั้งแต่ นายอุตตม สาวนายน พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เด่นชัดตั้งแต่ “กลุ่ม 4 กุมาร” ยื่นใบลาออกจากสมาชิกภาพแห่งพรรคพลังประชารัฐ
เด่นชัดตั้งแต่ “กลุ่ม 4 กุมาร” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีและกลายเป็นคนนอกพรรคพลังประชารัฐ นอกรัฐบาลในที่สุด
คำถามก็คือ ภายในความพ่ายแพ้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนของ “กลุ่ม 4 กุมาร” แล้วชัยชนะเป็นของใคร

คล้ายกับว่าชัยชนะจะเป็นของกลุ่มผู้กุมอำนาจ “ใหม่” ในพรรคพลังประชารัฐ แต่คำถามก็คือ กลุ่มเหล่านี้สามารถกำหนดทิศทางพรรค พลังประชารัฐได้ในทางเป็นจริงมากน้อยเพียงใด
เห็นกันง่ายๆก็คือ แม้กระทั่งผู้ทรงอิทธิพลระดับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
คำถามก็คือแล้วใครคือ “ผู้ชนะ” อย่างแท้จริงในการเปลี่ยนแปลงและในการปรับครม.ครั้งนี้

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน