เยาวชนต้องปลอดภัย – องค์การยูนิเซฟ ออกแถลงแสดงรู้สึกกังวล ต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ในสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย พร้อมเรียกร้องให้เคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และร่วมปกป้องให้พ้นจากความรุนแรงและการถูกคุกคามทุกรูปแบบ
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งเป็นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนได้รับรองสิทธิในการมีส่วนร่วม เสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการชุมนุมของเด็กและเยาวชนอย่างสันติชัดเจน
ประเทศไทยก็ให้สัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กในพ.ศ.2532 โดยให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อให้ได้เข้าถึงสิทธิที่พึงมี รวมถึงสิทธิในการ มีส่วนร่วมและการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ
เป็นข้อเรียกร้องที่รัฐบาลจะต้องรับฟังอย่างจริงใจ
สถานการณ์ของประเทศไทย หลังการรัฐประหารนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าประชาชนถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพในทุกด้าน สำหรับผู้คิดต่าง ด้วยกฎหมายพิเศษที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 5 ปี
แม้ขณะนี้ จะเปลี่ยนผ่านมาสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว แต่ก็ถือว่ากระบวนการที่ได้มาทั้งหมดถูกกำหนดด้วยกติกาและบทบัญญัติต่างๆ เพื่อให้มีการสืบทอดอำนาจของกลุ่มคนในคณะคสช.
กระแสการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างเท้จริงจึงได้รับการขานรับอย่างกว้างขวาง ทั้งจากพรรค การเมือง เครือข่ายประชาชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา ตลอดจนอาจารย์ และนักวิชาการ
มีการจัดชุมนุมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากขึ้นโดยลำดับ
ไม่เพียงแต่ในสถาบันการศึกษาเท่านั้น การชุมนุมแสดงออกยังลุกลามครอบคลุมไป ทั่วประเทศ ขณะนี้ได้เข้าไปถึงระดับโรงเรียนแล้ว นักเรียนซึ่งเป็นเยาวชนต่างแสดงออกและสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าว
เป็นที่น่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง ที่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติกลับถูกปิดกั้น คาดโทษ และคุกคามจากครูอาจารย์บางคน และผู้บริหารสถาบันการศึกษาบางราย เพียงเพราะความเห็นต่าง
ทั้งๆ ที่โรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนในการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ รับรู้รับฟังอย่างมีเหตุผล แต่ กลับมีการใช้อำนาจกดดันและบีบคั้นจนน่ากลัว
การยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย จะนำไปสู่แนวทางการจัดการอย่างสันติได้