สสร.แบบไหนที่คนไทยต้องการ
สสร.แบบไหนที่คนไทยต้องการ – หมายเหตุ : คณะกรรมการรณรงค์รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และองค์กรเครือข่าย จัดเสวนา “ส.ส.ร.แบบไหนที่คนไทยต้องการ” ที่ คณะสังคมวิทยาและสังคมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.
พนัส ทัศนียานนท์
อดีตส.ส.ร. 39
อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มธ.
ประเด็นที่น่าห่วงคือเรื่องที่ทุกคนสนใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าที่สุดแล้วจะเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา เราจึงพยายามร่วมแรงกันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่ดีกว่าฉบับปี 60 เพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เลวที่สุด ทำให้มีปัญหาได้มากที่สุด ถึงขนาดทำให้เกิดการสืบทอดอำนาจ
เรามีรัฐธรรมนูญมาฉบับปัจจุบันเป็นฉบับที่ 20 แต่การร่างไม่มีส.ส.ร.ทุกครั้ง ส.ส.ร.คณะแรกในปี 2491 เป็นการร่างรัฐธรรมนูญ 2490 แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีส.ส.ร. 40 คน มาจากการคัดเลือกของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
Advertisement
และมีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญเนื่องจากมีการทำรัฐประหารที่เรียกว่า รัฐประหารเต็มรูปแบบ แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดคือ 2489 จากนั้นปี 2502 มีส.ส.ร. 240 คน ใช้เวลาร่าง 9 ปีเศษ
ต่อมามีส.ส.ร.ในปี 2539 เป็นรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นขณะที่ประเทศปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยไม่มีการรัฐประหาร เป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตั้งส.ส.ร.ขึ้นมา โดยให้มีส.ส.ร.จังหวัดละ 1 คน นอกจากนั้นมีสมาชิกที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์ 23 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน 8 คน ทำให้มีรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดและเป็นประชาธิปไตย
แต่ใช้มาได้ 10 ปี จนเกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 เมื่อยึดอำนาจก็ต้องมีการตั้งส.ส.ร.ขึ้นมา โดยรัฐธรรมนูญชั่วคราว สรรหามาจากสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 1,982 คน ลงมติเลือกกันเองเหลือ 200 คน และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเลือกเหลือ 100 คน
ต่อมาปี 2559 เราได้รัฐธรรมนูญปี 60 แต่ไม่มีการตั้งส.ส.ร.โดยมีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 36 คน มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน แต่ไม่สำเร็จ และตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน จนเราได้รัฐธรรมนูญฉบับปี 60
มาจนวันนี้มีการเสนอให้ตั้งส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ตามแบบของพรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 200 คน เลือกจากประชาชนโดยตรงโดยให้แต่ละจังหวัดเลือก 150 คน และมี 50 คนมาจากการเลือกโดยรัฐสภา และมีการกำหนดให้มีนักเรียน นักศึกษา 10 คน
ส่วนแบบของพรรคฝ่ายค้าน ส.ส.ร.จำนวน 200 คน โดยมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมดแต่ละจังหวัด ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยกับร่างของฝ่ายค้านที่ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดไม่ควรมีติ่ง
เพราะอาจเป็นคนพรรครัฐบาลก็ได้ แม้จะให้เลือกในประเภทนักเรียน นิสิต นักศึกษา แต่ก็ให้กกต.เป็นผู้กำหนดจึงอาจเลือกเด็กของตัวเองก็ได้เราคาดการณ์ในทางร้ายไว้ก่อนอีกทั้งร่างของรัฐบาลเมื่อร่างเสร็จต้องให้สภาเห็นชอบโดยเสียงเกินกึ่งหนึ่งก่อนหากไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็จะให้ทำประชามติ
ผมเห็นด้วยกับร่างฝ่ายค้านคือไม่ต้องการให้ร่างผ่านรัฐสภา เมื่อร่างเสร็จแล้วก็ให้ทำประชามติเลย ประชาชนต้องการแบบไหนก็ลงประชามติ เพราะสภาเสียงข้างมากเป็นของรัฐบาลอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเห็นด้วยให้มีส.ส.ร.ที่เลือกจากนักเรียนนิสิตนักศึกษาด้วย
แต่อยากเสนอให้สัดส่วนส.ส.ร. เป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาด้วยและควรล็อกไปเลยว่าส.ส.ร.ชุดนี้ไม่ควรอายุเกิน 30-35 ปีเท่านั้น หรืออย่างน้อยให้สัดส่วนคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าครึ่งต่อครึ่ง
ณรงค์เดช สรุโฆษิต
นิติศาสตร์ จุฬาฯ
กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ คนร่างคือส.ส.ร. ต้องยึดโยงกับประชาชนซึ่งกระบวนการร่างเมื่อจัดทำร่างมาแล้วต้องสอบถามความเห็นประชาชนอีกรอบว่ามีประเด็นอะไรอีกหรือไม่และคำตอบสุดท้ายในการทำประชามติต้องยึดโยงประชาชนแต่ต้องอาศัยคนที่รู้ขั้นตอนเทคนิคในการเขียนกฎหมายในการยกร่างเข้าไปช่วยกันทำ
ต้องให้น้ำหนักกับประชาธิปไตย สร้างความสมดุล และคนตัดสินใจต้องยึดโยงกับประชาชน ซึ่งคนที่จะมา ยกร่างรัฐธรรมนูญเสนอว่าเพื่อประสานประโยชน์ระหว่างคนที่อยู่ในแต่ละจังหวัด กับคนที่มองประโยชน์โดยรวมของประเทศ
ทำไมไม่แบ่งที่มาส.ส.ร.ออกเป็น 2 ประเภท คือมาจากจังหวัด จำนวน 100 คน และมาจากบัญชีรายชื่อ 100 คนซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนทั้งประเทศ
ในร่างของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านมีความต่างกัน ถ้าเป็นแบบของรัฐบาลให้รัฐสภาโหวต หากไม่เห็นชอบก็ไปทำประชามติ ส่วนฝ่ายค้านทำประชามติเลย แต่ตอนนี้มีปัญหาที่ว่าเรายังไม่มีกฎหมายประชามติ มีเพียงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการทำประชามติปี 50 ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 60 ไม่ได้มีกำหนดไว้
ในร่างของทั้ง 2 แบบไม่ได้เขียนว่าประชาชนเห็นชอบคืออะไร ซึ่งร่างของรัฐบาลเขียนเพิ่มว่าให้ประชาชนเห็นชอบ แต่ถ้าประชาชนมีเสียงไม่ถึง 1 ใน 5 หรือร้อยละ 20 ให้ร่างนั้นตกไปเลย อย่างนี้ควรเขียนในรัฐธรรมนูญว่าออกเสียงเท่าไร หรือไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 เพื่อให้รัฐธรรมนูญอยู่ยาวซึ่งก็น่าจะมีประชาชนมาออกเสียงเกินครึ่ง
และไหนๆ จะออกเสียงประชามติอยู่แล้ว เพราะจะแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งการออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ 60 มีคำถามพ่วงด้วยดังนั้นการออกเสียงประชามติครั้งนี้จะมีคำถามพ่วงหรือไม่
และควรเขียนว่าผู้ร่างควรร่างแบบไหน ตกลงจะเป็นสภาเดี่ยวหรือสภาคู่ ชอบไม่ชอบ จะเอาหรือไม่ ต้องรวมทั้งคำถามที่คิดว่าส.ส.ร.ไม่แน่ใจ หรือจะเบี้ยว ก็เอามาออกเสียงประชามติเป็นคำถามพ่วงด้วย
พงศ์เทพ เทพกาญจนา
อดีตส.ส.ร. 39
ประธานยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาพรรคเพื่อไทย
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่มีผู้ขนานนามว่าเป็นฉบับปราบโกงและพยายามบอกว่าคนที่คิดจะไปแก้หรือเปลี่ยนคือคนคิดจะโกงบอกตรงๆว่าถ้าจะขนานนามให้ถูกต้องก็ต้องเรียกเป็นรัฐธรรมนูญฉบับอภิมหาโกงเพราะโกงอำนาจประชาชนตั้งแต่การยกร่างที่อ้างการทำประชามติก็เป็นประชามติแบบโกงๆ
ขณะเดียวกันวางกลไกสืบทอดอำนาจ โดยอ้างว่าเข้ามาตามวิถีประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่ประหลาดมากโดยเฉพาะการเลือกส.ว. 250 คน ทุกคนรู้ว่ามาจากไหน รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่ามีคุณสมบัติอย่างไร ก็ยังเอาคนที่ไม่เป็นกลางทางการเมือง เอาคนที่อยู่ในคสช.มาเป็นส.ว. เพื่อเลือกตัวเองเป็นนายกฯ
รัฐธรรมนูญ 60 จึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เลวที่สุดไม่ยึดโยงประชาชนถ้าฝ่ายตรงข้ามชนะการเลือกตั้งก็เป็นรัฐบาลไม่ได้เพราะสร้างหลุมพรางไว้ทั้งหมดเป็นวิชามารขั้นสุดยอด
รัฐธรรมนูญ 60 เขียนไว้ไม่ได้ให้แก้ แต่เขียนไว้ให้ฉีกและยกร่างใหม่ทั้งฉบับ จึงต้องขอบคุณการเคลื่อนไหวจากข้างนอกโดยเฉพาะนิสิตและนักศึกษา ที่ทำให้สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ เสียงของประชาชนยังมีความหมาย
ส.ส.ร.ที่คนไทยต้องการ คุณสมบัติที่สำคัญต้องมุ่งมั่น สุจริตในการยกร่าง เพื่อยึดถือประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดถือคนกลุ่มหนึ่ง ส.ส.ร.ต้องมีจิตวิญญาณนักประชาธิปไตยเปิดกว้างรับฟังความเห็นต่าง
ดังนั้นคนที่จะมาเป็นส.ส.ร. ควรได้รับอาณัติจากประชาชนต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นทางเลือกดีที่สุดและเป็นทางออกมีเหตุผลที่สุดไม่มีเหตุผลที่จะหาคนกลุ่มใดมาเลือกแทน
หลายคนกังวลว่าพรรคการเมืองจะเข้าไปมีอิทธิพลชี้นำให้ใครมาเป็นส.ส.ร.ได้หรือไม่ ก็ต้องปิดช่องส.ส.ร.ที่เป็นคนที่นักการเมืองสนับสนุน คือเสนอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกส.ส.ร.ได้เพียงคนเดียว ดังนั้นพรรคจะเสนอใครก็แล้วแต่ก็ยากที่จะได้ทั้งหมด
ที่กังวลอีกอย่างคือเมื่อมีส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกของประชาชน ถ้าให้กกต.ชุดนี้ดูแลการเลือกตั้งผมก็ไม่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมจากผลงานที่ผ่านมาของกกต.
วิธีที่จะทำให้ได้กกต.ทำหน้าที่ชั่วคราวมาจัดเลือกตั้งส.ส.ร. โดยอาจให้มาจาก กกต.ชุดปัจจุบัน 2 ท่าน และมีกลไกหาคนนอกโดยความเห็นชอบของสภา หรืออาจมีกลไกอื่นๆ เพื่อคัดเลือกมาอีกประมาณ 5 คน รวมเป็น 7 คน ตั้งเป็น “กกต.เฉพาะกิจ” จัดการเลือกตั้งส.ส.ร. หรือใช้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
สุดท้ายแล้วเมื่อมีส.ส.ร. ประชาชน นักศึกษาต้องติดตามการยกร่างอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
ชัยธวัช ตุลาธน
เลขาธิการพรรคก้าวไกล
การร่างรัฐธรรมนูญต้องมาจากฐานความคิดสำคัญคืออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน ส.ส.ร. จึงต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และต้องแก้ไขได้ทั้งฉบับ ทุกหมวด ทุกมาตรา รวมทั้งต้องผ่านการทำประชามติในขั้นตอนสุดท้าย
การมีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรสำคัญมากหลังจากนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดมาจากอาณัติสวรรค์หรือสมมติเทพแต่กำหนดโดยประชาชนที่เห็นชอบประชาชนจึงเป็นผู้กำหนดการเมืองของประเทศว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด รัฐธรรมนูญแก้ได้ทั้งฉบับ ทุกหมวดทุกมาตรา ต้องผ่านประชามติในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนทั้งหมดในฐานะเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญเห็นชอบ
หากก่อนมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เกิดมีการรัฐประหาร ยึดอำนาจขึ้นอีก หลังจากนี้ เราต้องยืนยันอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนต้องไม่ยอมอีกแล้วให้อำนาจไหลย้อนกลับไปยังกลุ่มคนที่ทำรัฐประหารแม้มีการรับรองอำนาจ
ดังนั้น ถ้ามีการรัฐประหารขึ้นอีกประชาชนมีสิทธิรวมตัวสถาปนาประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับของตัวเองทันที
แต่ก่อนมีส.ส.ร. มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ น่าห่วงว่าส.ส.ร.จะถูกปล้นไปหรือไม่ จึงควรปิดสวิตช์ส.ว.คู่ขนานไปด้วย เพื่อไม่ให้มีอำนาจใดเข้ามาแทรกแซง ที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติไปนั้นยังมีอีกมาตราที่ยังไม่เสนอ คือการให้ยกเลิกมาตรา 269 ยกเลิกไม่ให้มีส.ว. 250 คน ที่มาจากคสช.ไปเลย
ดังนั้น หากในสภารวมเสียงไม่ได้ พรรคก้าวไกลอาจไปรวมเสียงประชาชนข้างนอกล่ารายชื่อแก้มาตรา 269 ในเมื่อเสนอแก้ไม่ได้ ก็ยกเลิก 250 คนไปเลย นอกจากนี้รัฐบาลชุดนี้คืออุปสรรคประชาธิปไตย เราจึงต้องช่วยกันเอารัฐบาลชุดนี้ออกพร้อมกับส.ว.