FootNote:ความรุนแรง สถานการณ์ ฉุกเฉิน เชื้อมูล การชุมนุม เป็นไฟลามทุ่ง

หากการบุกเข้ารวบตัว ไผ่ ดาวดิน แอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์ ที่หน่วยคอมมานโดกระทำเมื่อตอนสายของวันที่ 13 ตุลาคม คือมูลเชื้อตามมาในสถานการณ์การเคลื่อนไหววันที่ 14 ตุลาคม

การเข้าสลายการชุมนุม ณ บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในตอนรุ่งสางของวันที่ 15 ตุลาคม ก็คืออีกมูลเชื้อหนึ่ง

เป็นมูลเชื้อที่แม้จะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง ในพื้นที่กทม.แต่ก็กลายเป็นชนวนเรียกแขกให้เกิดการชุมนุมในวันเดียวกันที่แยกราชประสงค์

และตามมาด้วยการชุมนุมอีกในวันที่ 16 ตุลาคมอันนำไปสู่การตัดสินใจใช้กระบวนการสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำผสมสารเคมีเข้าใส่ผู้ชุมนุม ณ แยกปทุมวัน

เป้าหมายของสถานการณ์ฉุกเฉิน เป้าหมายของการฉีดน้ำผสม สารเคมีด้วยกำลังรุนแรงพร้อมกับการเคลื่อนทัพของหน่วยปราบจลาจลในเครื่องแบบเต็มยศก็เพื่อสยบการเคลื่อนไหว การชุมนุม

ผลอันเกิดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคมก็ดำเนินไปเช่นเดียวกับการจับกุม นายอานนท์ นำพา นายภาณุพงศ์ จาดนอก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ภายหลังการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม

สถานการณ์ที่ตามมาก็คือ การชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 16 สิงหาคมมวลชนเข้าร่วมเป็นเรือนหลายหมื่น

เท่ากับพิสูจน์ ยิ่งจับกุม ยิ่งเป็นการเรียกแขก

รูปธรรมก็คือ การเคลื่อนไหว”19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และที่สนามหลวง มีมวลชนเข้าร่วมแตะ”หลักแสน”

เห็นได้จากการชุมนุมในลักษณะ”ดาวกระจาย”ในวันที่ 17 ตุลาคม เฉพาะที่กทม.ก็สัมผัสได้จาก ห้าแยกลาดพร้าว วงเวียนใหญ่ อุดมสุข สามย่านมิตรทาวน์ รามคำแหงและแคราย นนทบุรี

ทั้งยังมีในต่างจังหวัดทั้งเหนือ ใต้ ตก ออก และอีสาน

เสียงร้องตะโกน”ออกไป ออกไป”ดังกึกก้องในขอบเขตทั่วประเทศไทยโดยอัตโนมัติ

คาดหมายได้เลยว่า หากภาพตำรวจนอกเครื่องแบบบุกเข้าทุบกระจกรถเพื่อจับกุมตัว นายภาณุพงศ์ จาดนอก แพร่กระจายออกไป

การเคลื่อนไหวในวันที่ 10 ตุลาคม จักต้องตามมา

ตามมาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการออกหมายจับ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ที่สวมปลอกแขน”แพทย์อาสา”ไปในทุกที่ที่มีการเคลื่อนไหว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน